เพชรบูรณ์ - ตำรวจชี้หลักฐานไม่พอมัด 2 แรงงานพม่าต้องสงสัยเผาโรงเลี้ยงไก่เครือสหฟาร์ม แนะบริษัทเร่งเคลื่อนย้าย 60 แรงงานพม่าไปรวมกันในแคมป์บริษัทโกลเด้นไลน์ฯ เพื่อทำให้ง่ายต่อการดูแล
วันนี้ (18 ก.ค.) พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผกก.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเลี้ยงไก่บริษัทชิงธง ซึ่งอยู่ในเครือสหฟาร์ม ต.ระวิง อ.เมืองเพชรบูรณ์ เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) โดยตำรวจได้ควบคุม 2 ผู้ต้องสงสัยเป็นแรงงานชาวพม่ามาสอบสวน ว่า ถึงแม้พยานหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุจะบ่งชี้ว่าเป็นการลอบวางเพลิงก็ตาม แต่ก็ต้องรอผลยืนยันจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่วิทยาการก่อน ดังนั้นขณะนี้ยังอยู่ในชั้นของการสืบสวนสอบสวน และในวันนี้ก็คงต้องนำแรงงานชาวพม่ามาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหลายคน
พ.ต.อ.ฐเดชกล่าวอีกว่า ส่วน 2 ผู้ต้องหาแรงงานชาวพม่าที่ถูกควบคุมตัวมาสอบสวนหลังเกิดเหตุนั้น แม้จะมีพยานให้การพาดพิงก็ตาม แต่จากพยานหลักฐานและการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ยังไม่เพียงพอจะให้ดำเนินคดี ที่สำคัญเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะหากจับผิดตัวอาจทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ จนอาจทำให้สถานการณ์บานปลายขึ้นมาได้
“ได้ให้คำแนะนำแก่ตัวแทนบริษัทไปว่า ควรหาช่องทางเคลื่อนย้ายแรงงานชาวพม่าที่ยังอยู่อาศัยในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันเหลือแค่ราว 60 คนไปรวมกับกลุ่มเพื่อนๆ แรงงานชาวพม่าด้วยกันที่บริษัท โกลเด้นไลน์บิสซิเนส จำกัด ต.กันจุ อ.บึงสามพัน ดีกว่าปล่อยให้อยู่แบบกระจัดกระจายแบบนี้ เพราะจะทำให้ง่ายต่อการดูแลและการบริหารจัดการ” พ.ต.อ.ฐเดชกล่าว
ผกก.สภ.เมืองเพชรบูรณ์กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่แรงงานชาวพม่ายังปักหลักอาศัยอยู่ที่นี่เพราะบางส่วนไม่มีที่จะไป และบางส่วนก็รอเงินที่บริษัทติดค้างในเดือนมิถุนายน และนัดจะจ่ายในราวเดือนกรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ อีกส่วนหนึ่งก็มีความหวังว่าจะได้ทำงานในสถานที่แห่งนี้ต่อไปหากบริษัทแก้ไขสภาพคล่อง และเริ่มเปิดดำเนินธุรกิจ
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ทางตำรวจจะขาดพยานหลักฐานที่จะดำเนินคดีต่อสองผู้ต้องสงสัยแรงงานชาวพม่าก็ตาม แต่ก็มีการเตรียมใช้มาตรการผลักดันกลับประเทศบ้านเกิด เนื่องจากเกรงว่าจะมีการลอกเลียนพฤติกรรมและเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี จนอาจก่อปัญหาทำให้ลุกลามบานปลายยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนกรณีที่หลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นการลอบวางเพลิงจนเกิดความเสียหายขึ้นประมาณ 150,000 บาทนั้น เนื่องจากโรงเลี้ยงไก่ทั้งสองแห่งหยุดกิจการและมีการตัดกระแสไฟฟ้าออก แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่วิทยาการเพื่อยืนยันอีกครั้ง
วันนี้ (18 ก.ค.) พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผกก.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเลี้ยงไก่บริษัทชิงธง ซึ่งอยู่ในเครือสหฟาร์ม ต.ระวิง อ.เมืองเพชรบูรณ์ เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) โดยตำรวจได้ควบคุม 2 ผู้ต้องสงสัยเป็นแรงงานชาวพม่ามาสอบสวน ว่า ถึงแม้พยานหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุจะบ่งชี้ว่าเป็นการลอบวางเพลิงก็ตาม แต่ก็ต้องรอผลยืนยันจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่วิทยาการก่อน ดังนั้นขณะนี้ยังอยู่ในชั้นของการสืบสวนสอบสวน และในวันนี้ก็คงต้องนำแรงงานชาวพม่ามาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหลายคน
พ.ต.อ.ฐเดชกล่าวอีกว่า ส่วน 2 ผู้ต้องหาแรงงานชาวพม่าที่ถูกควบคุมตัวมาสอบสวนหลังเกิดเหตุนั้น แม้จะมีพยานให้การพาดพิงก็ตาม แต่จากพยานหลักฐานและการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ยังไม่เพียงพอจะให้ดำเนินคดี ที่สำคัญเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะหากจับผิดตัวอาจทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ จนอาจทำให้สถานการณ์บานปลายขึ้นมาได้
“ได้ให้คำแนะนำแก่ตัวแทนบริษัทไปว่า ควรหาช่องทางเคลื่อนย้ายแรงงานชาวพม่าที่ยังอยู่อาศัยในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันเหลือแค่ราว 60 คนไปรวมกับกลุ่มเพื่อนๆ แรงงานชาวพม่าด้วยกันที่บริษัท โกลเด้นไลน์บิสซิเนส จำกัด ต.กันจุ อ.บึงสามพัน ดีกว่าปล่อยให้อยู่แบบกระจัดกระจายแบบนี้ เพราะจะทำให้ง่ายต่อการดูแลและการบริหารจัดการ” พ.ต.อ.ฐเดชกล่าว
ผกก.สภ.เมืองเพชรบูรณ์กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่แรงงานชาวพม่ายังปักหลักอาศัยอยู่ที่นี่เพราะบางส่วนไม่มีที่จะไป และบางส่วนก็รอเงินที่บริษัทติดค้างในเดือนมิถุนายน และนัดจะจ่ายในราวเดือนกรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ อีกส่วนหนึ่งก็มีความหวังว่าจะได้ทำงานในสถานที่แห่งนี้ต่อไปหากบริษัทแก้ไขสภาพคล่อง และเริ่มเปิดดำเนินธุรกิจ
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ทางตำรวจจะขาดพยานหลักฐานที่จะดำเนินคดีต่อสองผู้ต้องสงสัยแรงงานชาวพม่าก็ตาม แต่ก็มีการเตรียมใช้มาตรการผลักดันกลับประเทศบ้านเกิด เนื่องจากเกรงว่าจะมีการลอกเลียนพฤติกรรมและเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี จนอาจก่อปัญหาทำให้ลุกลามบานปลายยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนกรณีที่หลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นการลอบวางเพลิงจนเกิดความเสียหายขึ้นประมาณ 150,000 บาทนั้น เนื่องจากโรงเลี้ยงไก่ทั้งสองแห่งหยุดกิจการและมีการตัดกระแสไฟฟ้าออก แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่วิทยาการเพื่อยืนยันอีกครั้ง
