พบใบปลิวโจมตีเหตุลอบยิงอุสตาซใน จ.ปัตตานี ระบุ “ทหารฆ่าอีกแล้ว”

ปัตตานี - เพื่อนครู และลูกศิษย์แห่เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวนายฮูไมดี มูซอ ที่ถูกลอบยิงเสียชีวิต แหล่งข่าวเผยผลการพิสูจน์อาวุธที่ใช้ก่อเหตุไม่พบในสารบบการก่อคดีในพื้นที่ ขณะเดียวกัน พบใบปลิวโจมตีว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ระบุ “ทหารฆ่าอีกแล้ว”

วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปัตตานี ว่า ที่บ้านเลขที่ 62/2 ม.3 บ้านบางตัน ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้มีบรรดาอุสตาซ และครูในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) รวมทั้งลูกศิษย์ และประชาชนทั่วไป เข้ามาเยี่ยมครอบครัวนายฮูไมดี มูซอ หรือ “อุสตาซสมาน” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบยิงระหว่างที่ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กง 4232 ปัตตานี ออกจากบ้านตามลำพังเพื่อไปสอนหนังสือที่โรงเรียนมูลนิธิชุมชนอิสลามศึกษา ตั้งอยู่ที่ ม.5 บ้านปาแดลางา ต.ปูโล๊ะปูโย อ.หนองจิก เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (21 ส.ค.)

โดยบรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของบรรดาญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากนายฮูไมดี มูซอ เป็นครูสอนประจำที่โรงเรียนมูลนิธิชุมชนอิสลามศึกษา มาเป็นเวลา 11 ปี จนสามารถบรรจุเป็นครูในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และเป็นที่รักของบรรดาเพื่อนร่วมงาน นอกจากนั้น ยังได้เป็นประธานศูนย์ชมรมตาดีกา (PUSTAKA) ของ อ.หนองจิก มานานหลายปี จึงเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นับถือของผู้คนในพื้นที่จำนวนมาก

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ นายฮูไมดี เคยถูกเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่เชิญตัวไปสอบปากคำ เนื่องจากสืบทราบว่า มีความเชื่อมโยงกับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ แต่ก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จนในที่สุดก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ และร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐทุกฝ่าย โดยเฉพาะการร่วมมือในกิจกรรมที่ทางหน่วยเฉพาะกิจจัดขึ้น โดยการนำเด็กนักเรียนตาดีกาเข้าร่วมกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้การลอบฆ่า นายฮูไมดี ในครั้งนี้เป็นที่สงสัยของผู้คนว่าสาเหตุมาจากอะไรกันแน่

ประกอบกับเนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้มีเหตุลอบทำร้าย นายอับดุลรอฟา ปูแทน อดีต ส.จ.ปัตตานี และดำรงตำแหน่งประธานศูนย์ชมรมตาดีกาปุสตากา (PUSTAKA) อ.ยะรัง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2556 ซึ่งใช้วิธีการลอบสังหารแบบเดียวกัน คือ ใช้รถยนต์กระบะ 2 คัน คันแรกแซงหน้ารถของเหยื่อเพื่อให้เหยื่อลดความเร็วของรถ และคันที่ 2 ขับแซงขวา ให้คนนั่งหลังกระบะซึ่งสวมชุดเกราะกันกระสุนใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 กระหน่ำยิง

ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุยิง นายอับดุลรอฟา เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 (5.56) จำนวน 20 ปลอก และปลอกกระสุนเอเค อีก 2 ปลอก ซึ่งผลการพิสูจน์อย่างเป็นทางการระบุว่าไม่พบอาวุธดังกล่าวในสารบบการก่อคดีในพื้นที่มาก่อน จึงอาจไม่ใช่ปลอกกระสุนของผู้ก่อความไม่สงบที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง แต่การก่อเหตุในรูปแบบเดียวกันที่ก่อเหตุยิง นายฮูไมดี มูซอ กลับไม่มีปลอกกระสุนให้เห็น แต่จากการตรวจสอบวิถีกระสุนของเจ้าหน้าที่ยืนยันได้ว่าเป็นอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ส่วนจะเป็นอาวุธปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุยิงนายอับดุลรอฟา หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุ หรือยืนยันได้ เนื่องจากไม่พบปลอกกระสุน

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ยังคงมีการวางวัตถุต้องสงสัย พร้อมทิ้งใบปลิวเล่าถึงการก่อเหตุยิงนายฮูไมดี ว่า เป็นกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยใบปลิวดังกล่าวระบุว่า ถนนทางหลวงสายชนบทซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ปกติจะมีเจ้าหน้าที่ทหารรักษาความปลอดภัยครู แต่ในวันที่เกิดเหตุยิงนายฮูไมดี ซึ่งเป็นช่วงเช้า กลับไม่มีเจ้าหน้าที่สักราย นอกจากนี้ ยังลงท้ายในใบปลิวว่า “พฤติกรรมแบบนี้ชาวบ้านเขารู้ดีว่าใครทำ!! ยังมีเวลา ถ้าเจ้าหน้าที่ทหารจะออกไปก่อนที่จะสาย”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า นายวันสุกรีย์ มามะ ปลัดหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.หนองจิก พร้อมหน่วยงานเยียวยาอำเภอหนองจิก ได้นำเช็คเงินสด จำนวน 500,000 บาท มอบให้แก่ นางฮาซะนะห์ หมะเด็น ภรรยาของนายฮูไมดี มูซอ เพื่อเป็นการเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งปัจจุบัน นางฮาซะนะห์ ภรรยาของผู้ตายเป็นผู้ช่วยฝ่ายปกครองประจำหมู่บ้านมาเป็นระยะเวลา 2 ปี