ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ปฏิญญากร บุราณรมย์” นำทีม “เรือแสนสิริ” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ คว้าชัยในศึกแล่นใบตำนานโลก “TRANSPAC 2013” เรือไทยขับเคี่ยวกับเรือชั้นนำกว่า 59 ลำ จากทั่วโลก ใช้เวลาแข่งขันมากกว่า 12 วัน ระยะทางสุดหิน 4,100 กม. บนมหาสมุทรแปซิฟิก น่านน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (15 ส.ค.) นายปฏิญญากร บุราณรมย์ หรือ “กิ่ง” นักแล่นใบคนแรกและคนเดียวของประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการแล่นใบไทยได้สำเร็จ หลังทำหน้าที่เป็นกัปตันร่วม (co-skipper) กับมิสเตอร์ไมเคิล สปีส์ และลูกเรือชั้นนำอีก 3 คน นำ “เรือแสนสิริ” เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 ในประเภทเรือเดียวกัน ในการแข่งขันสุดยอดแล่นใบระดับตำนานของโลกรายการ “ทรานสแพค 2013 (TRANSPAC 2013) ได้พูดคุยกับสื่อมวลชนถึงประสบการณ์การแข่งขันในรายการดังกล่าว ณ แสนสิริเลานจ์ ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต
รายการ TRANSPAC 2013 ซึ่งเป็นหนึ่งในการแข่งขันแล่นใบเก่าแก่ระดับตำนานโลกที่มีระยะทางการแข่งขันไกลที่สุด ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่มีความท้าทายมากที่สุดรายการหนึ่งของโลก การร่วมแข่งขันในรายการนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่บรรดายอดนักแล่นใบระดับโลกทุกคนล้วนต้องการที่จะทำสักครั้งในชีวิต
“เรือแสนสิริ” ใช้เวลาการแข่งขันมากกว่า 12 วัน ขับเคี่ยวกับเรือชั้นนำกว่า 59 ลำ จากทั่วโลก โดยการแข่งขันออกสตาร์ทที่ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา และสิ้นสุดที่เมืองฮอนโนลูลู เกาะฮาวาย มีระยะการแข่งขัน 2,250 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 4,100 กม. โดยข้ามผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก น่านน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยการแข่งขันสิ้นสุดลงเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
นายปฏิญญากร บุราณรมย์ เปิดเผยถึงการแข่งขันครั้งนี้ ว่า วันที่สุดหินของการแข่งขัน คือ วันแรก ซึ่งเราทั้ง 5 คน ได้ทำหน้าที่เต็มกำลัง และแล่นใบด้วยความเร็วสูง เราโฟกัสในการบังคับเรือและการแข่งขันจนไม่มีเวลานอน หรือกินอะไรเลย และเราก็ทำได้ดีมาก การแข่งขันครั้งนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย และยากที่สุด และผมได้รับประสบการณ์ที่น่าจดจำ และมีค่าที่สุดในชีวิตการเล่นเรือใบของผม
มิสเตอร์ไมเคิล สปีส์ ผู้ทำหน้าที่กัปตันร่วม (Co-skippper) กับนายปฏิญญากร กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือ พยายามแล่นไปทางด้านใต้ของเส้นทางการแข่งขันเพราะจะแล่นได้เร็วกว่า ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่เราใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ แต่ในปีนี้เรือหลายลำที่มุ่งหน้าไปทางเหนือ แต่กลับได้รับกระแสลมที่แรงกว่า จึงแล่นใบได้ค่อนข้างดีกว่าในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน”
นอกจากนั้น ในระหว่างการแข่งขันตลอดระยะทาง 4,100 กิโลเมตร เรือแสนสิริ ได้พบเจอเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย เช่น อุปกรณ์ในการติดต่อสื่อสารไม่สามารถทำงานได้ในช่วงวันแรกเนื่องมาจากสภาพอากาศ การเผชิญหน้ากับพายุฝนกลางมหาสมุทร น้ำเข้ามาในเรือเป็นจำนวนมาก ในระหว่างการแข่งขันพบกับอากาศในทุกสภาวะ ไม่ว่าจะเป็นคลื่นลมแรง และอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงอุปสรรคจากซากเรือเก่าที่ลอยในมหาสมุทร ซึ่งต้องระวังกันเป็นพิเศษไม่ให้ชนซากต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม เรือแสนสิริ พร้อมด้วยลูกเรือที่มากประสบการณ์ได้ฟันฝ่าเหตุการณ์เหล่านั้น และประสบความสำเร็จพร้อมคว้าชัยชนะอันดับ 3 มาครอง
“สองวันก่อนถึงเส้นชัย กระแสลมอ่อนกำลังจนทำให้เราไม่สามารถแล่นด้วยความเร็วตามเป้าหมายได้ นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย โดยตลอดหลายวันของการแข่งขัน เราทำได้ดีมาโดยตลอดทุกคนได้ใช้ประสบการณ์ และเทคนิคต่างๆ ในการแข่งขันนี้อย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะครองตำแหน่งอันดับ 3 แต่พวกเราทุกคนก็รู้สึกปลาบปลื้มยินดี และภาคภูมิใจกับผลงานที่ได้ครั้งนี้มาก” นายปฏิญญากร กล่าวเสริม
“ผมรู้สึกประทับใจในความเป็นมืออาชีพของมิสเตอร์ไมเคิล สปีส์ และลูกเรือทุกคนในครั้งนี้มาก นับเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่ได้ร่วมแข่งกับนักแล่นใบมากความสามารถ ครั้งนี้นับเป็นที่สุดในชีวิตของการแล่นเรือใบของผม” นายปฏิญญากร กล่าวปิดท้าย
“ทีมงานทุกคนมีความเป็นมืออาชีพมาก โดยเฉพาะ ปฏิญญากร เราต้องขอขอบคุณ แสนสิริ ในการสนับสนุนจากแสนสิริครั้งนี้ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเรา และได้นำความภาคภูมิใจมาสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ ผมเชื่อว่า ปฏิญญากร จะนำประสบการณ์กลับเมืองไทย และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักแล่นเรือใบเยาวชน และผู้ที่รักการเล่นเรือใบอีกหลายๆ คน” มิสเตอร์ไมเคิล สปีส์ กล่าวปิดท้าย
สำหรับเรือแสนสิริ เป็นเรือทริปป์ ดีไซน์ ขนาด 40 ฟุต (Tripp 40) มีลูกเรือ และกัปตันเรือ รวม 5 คน ใช้เวลาการแข่งขันทั้งหมด 12 วัน เข้าเส้นชัยในวันที่ 21 กรกฎาคม เวลาเที่ยงคืน ตามเวลาที่เกาะฮาวาย ใช้ความเร็วเฉลี่ย 7.6 นอต ตลอดการแข่งขัน
