นครศรีธรรมราช - คนร้ายก่อเหตุยิงต่อสู้-ขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเรียกตรวจค้น เช็กประวัติพบหมายจับอื้อ ก่อนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และถูกจับกุมตัวไว้ได้ สายข่าวระบุกำลังเติบโตเป็นมือปืนรับจ้างเตรียมก่อเหตุยิงผู้อื่น
วันนี้ (30 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ร.ต.อ.สุริยน แกมทอง พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 บก.ภ.นครศรีธรรมราช ว่า มีเหตุตำรวจยิงต่อสู้กับคนร้าย และถูกขว้างด้วยระเบิดที่บริเวณร้านกาแฟ ถนนหลังพระธาตุ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชหลัง จากนั้นจึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก. พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก. และนายตำรวจชั้นบังคับบัญชา สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยกำลังเข้าทำการตรวจสอบทันที
ในที่เกิดเหตุพบว่า ในร้านกาแฟเลขที่ 21/3 ถ.หลังพระธาตุ พบเจ้าของร้าน และลูกค้ายังอยู่ในสภาพตระหนกสุดขีด ภายในร้านยังเต็มไปด้วยควันจากระเบิด แรงระเบิด และสะเก็ดระเบิดกระจัดกระจาย บนพื้นคอนกรีตเป็นหลุมขนาดกว้างประมาณ 1 ฟุต ส่วนคนร้ายได้ยิงต่อสู้และขว้างระเบิดดังกล่าวใส่เจ้าหน้าที่ แล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในวัดหน้าพระลาน
ด้าน ด.ต.ถาวร ตราสุวรรณ และ จ.ส.ต.ธนวัฒน์ ไกรแก้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจคู่บั๊ดดี้รับผิดชอบพื้นที่ที่เกิดเหตุ รายงานด้วยวาจากับผู้บังคับบัญชาว่าก่อนเกิดเหตุได้ใช้รถจักรยานยนต์สายตรวจขับขี่ตรวจท้องที่รับผิดชอบตามปกติ สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิ๊กไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมีชายวัยรุ่ยแสดงอาการพิรุธเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจค้น
ซึ่งอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงติดตามพบว่า ตำรวจสายตรวจที่เข้าประสบเหตุและยิงต่อสู้ได้จับกุมไว้แล้ว จำนวน 2 ราย โดยรายแรกคือ นายกิตติพันธ์ ปานตู อายุ 24 ปี อยู่ ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ในสภาพบาดเจ็บสาหัสถูกยิงเข้าบริเวณหน้าท้องทะลุหลัง 1 แผล และร่องรอยจากสะเก็ดระเบิด จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราช อีกรายคือ นายธีระวุฒิ สุมะแล อายุ 23 ปี อายุ 23 ปี อยู่ 111/3 ม.7 ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี และนอกจากนี้ ยังพบว่ามีคนร้ายแก๊งเดียวกันได้หลบหนีไปในช่วงชุลมุนคือ นายนนทนัชต์ ธรฤทธิ์ อายุ 18 ปี อยู่ ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมแต่ยังไม่พบตัวคาดว่าหลบหนีไปได้ จึงแจ้งทุกพื้นที่สกัดจับอย่างเร่งด่วน
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางในที่เกิดเหตุเป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิ๊กสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ค้นในรถดังกล่าวพบป้ายทะเบียนถูกถอดเก็บไว้ในช่องเก็บของ คขง 447 สุราษฎร์ธานี เสื้อผ้าพร้อมผลัดเปลี่ยน และในส่วนของนายกิตติพันธ์นั้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปยัง โรงพยาบาลค้นในตัวพบยาบ้าอีก 99 เม็ด เงินสดอีก 1.6 หมื่นบาท เมื่อตรวจสอบประวัติทั้ง 3 รายพบว่ามีหมายจับหลายคดีติดตัวทั้งร่วมกันฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ทำร้ายร่างกาย และยาเสพติดในท้องที่ บก.ภ.สุราษฎร์ธานี
“ปรากฏว่า หนึ่งใน 3 ได้พยายามยิงเข้าใส่ตำรวจ และเร่งเครื่องหลบหนีโดยมี 2 คนกระโดดลงจากรถ จ.ส.ต.ธนวัฒน์ ได้ไล่ติดตามไปจับกุมตัวนายธีรวุฒิ ไว้ได้ ขณะที่ ด.ต.ถาวร ได้ไล่ติดตามนายกิตติพันธ์ มาถึงร้านกาแฟก่อนที่นายกิตติพันธ์ เข้าไปจับตัวนายสมนึก สว่างพงษ์ ลูกค้าของร้านกาแฟเป็นตัวประกันโดยใช้อาวุธปืนจี้บังคับ แต่นายสมนึก สะบัดหลุด และ ด.ต.ถาวร ได้เข้าชาร์จเพื่อจับกุมจนแย่งปืนของคนร้ายไว้ได้
แต่ปรากฏว่า คนร้ายได้สะบัดหลุดอีกครั้งล้วงเอาระเบิดเอ็ม 26 ออกจากเอวถอดสลักโยนใส่ ด.ต.ถาวร และนายสมนึก ที่กระโดดหลบไปคนละทางระเบิดทำงานจนร้านได้รับความเสียหาย ขณะที่อาวุธปืนของคนร้ายที่อยู่ในมือ ด.ต.ถาวร ถูก ด.ต.ถาวร ยิงสวนไป 1 นัด กระสุนเจาะหน้าท้องทะลุหลัง แต่ยังคงวิ่งหนีเข้าไปในวัดหน้าพระลานจนจนมุมเจ้าหน้าที่ในที่สุด” ตำรวจสายตรวจทั้ง 2 นายระบุ
ขณะที่นายสมนึก สว่างพงษ์ อายุ 60 ปี อยู่ 198/8 ถ.หลังพระธาตุ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่เกือบกลายเป็นตัวประกันเปิดเผยว่า ขณะนั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้านคนร้ายได้เข้ามาทางด้านหลัง และใช้อาวุธปืนจี้แต่ได้ใช้มือปัดก่อนที่ตำรวจจะมาช่วย และถูกขว้างระเบิดเข้าใส่แต่ยังรอดได้อย่างหวุดหวิดต้องขอขอบคุณตำรวจที่สามารถเข้าระงับเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นพบว่า คนร้ายทั้ง 3 คน เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังเติบโตในวงการยาเสพติด และมือปืน โดยได้ก่อคดีที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลายคดีจนมีหมายจับติดตัวคนละหลายคดี และยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยอีกหลายคดี ซึ่งได้หลบหนีมาเช่าบ้านอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุมาค้ายาเสพติด
จากพฤติการณ์ และการเตรียมการ น่าเชื่อว่าคนร้ายกำลังเตรียมก่อเหตุประทุษร้ายต่อชีวิตเป้าหมายบางราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบสวนขยายผลโดยการประสานข้อมูลกับ ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนนายกิตติพันธ์ อาการอยู่ในขั้นวิกฤตแพทย์ได้นำตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วนแล้ว