ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจในจังหวัดภูเก็ต
เมื่อเวลา 08.05 น. วันนี้ (29 ก.ค.) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดมูลนิธิเพื่อภราดรภาพ ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต หรือโรงเรียนอิสลามพัฒนา ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม 2535 ในขณะนั้น ได้เช่าอาคารไม้ชั้นเดียวเป็นอาคารเรียน ต่อมา ได้รับความสนใจจากชาวชุมชนในหมู่บ้าน และต่างจังหวัดได้ส่งบุตรหลานเข้ามารับการศึกษามากขึ้น จนทำให้อาคารเรียนคับแคบ ทางคณะผู้บริหาร ครู และชาวชุมชนได้มีมติให้ก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ขึ้น โดยในครั้งนี้ นางป๊ะ ยุคุณธร หรือที่เรียกกันในนามมะป๊ะ ได้เสียสละมอบที่ดินแปลงหนึ่งให้ พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งเป็นทุนในการก่อสร้าง เนื่องจากเห็นว่าบรรดาครูมีความจริงจังความมุ่งมั่นในการสร้างเยาวชนให้เป็นผู้ที่มีคุณธรรม หลังจากนั้น บรรดาครู นักเรียน และชาวชุมชนได้ร่วมมือกันสร้างอาคารเรียนจนเสร็จได้อาคารไม้หลังแรกขึ้น ต่อมา ได้มีผู้ปกครองนักเรียนได้ร่วมมือกันช่วยเหลือในการก่อสร้างอาคารจนแล้วเสร็จเป็นอาคารคอนกรีตเสริม 2 ชั้น ซึ่งให้เป็นอาคารเรียนถาวรมาจนถึงปัจจุบัน และในเดือนเมษายน 2543 ได้ทำการจดทะเบียนเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา 15 (2) เลขทะเบียน ภก.2/2543 ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ
จากนั้นเวลา 08.30 น. ทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) โรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยโรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ครั้นสมัยทรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธสยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงพระราชทานนาม “โรงเรียนปลูกปัญญา” เมื่อพระองค์เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ ในรัชสมัยรัตนโกสินทร์ศก 126 (พ.ศ.2452) และต่อมา ได้ย้ายเป็นโรงเรียนในสังกัดเทศบาล ในวันที่ 1 เมษายน 2507 ในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษฎ์ ธนะรัชต์ จากปี พ.ศ.2452 ถึง พ.ศ.2552 นับเป็นเวลา 100 ปี ทางเทศบาลนครภูเก็ต สมาคมนักเรียนเก่าปลูกปัญญา คณะกรรมการศึกษาขึ้นพื้นฐาน ชมรมผู้ปกครอง และคณะผู้บริหาร คณะครู นักเรียนโรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา ในพระอุปถัมภ์ฯ ได้มีมติร่วมกันจัดทำหนังสือเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อโปรดนำความกราบทูลสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ขอพระบรมราชานุญาตจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เครื่องทรงชุดนายกองใหญ่เสือป่า ม้าหลวงรักษาพระองค์ขนาดเท่าครึ่งพระองค์ และการดำเนินงานจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้ประกอบพิธีอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ แท่นประดิษฐานโรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา ในพระอุปถัมภ์ฯ เพื่อให้นักเรียนได้ถวายบังคมต่อไป
ต่อมา เวลา 09.15 น. ทรงเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ร.ร.สตรีภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
และในเวลา 10.30 น. ทรงเปิดพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นับเป็นวิทยาเขตสุดท้ายของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่จัดให้มีพิธีเปิดพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบรมราชชนก และทำให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้มีพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบรมราชชนก ครบสมบูรณ์ทั้ง 5 วิทยาเขต คือ วิทยาเขตปัตตานี วิทยาเขตหาดใหญ่ วิทยาเขตตรัง วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี และวิทยาเขตภูเก็ต ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นที่เคารพสักการะ เป็นสิริมงคลแก่บุคลากร นักศึกษา และประชาชนในจังหวัดภาคใต้ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงเสียสละ มุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ
พระราชานุสาวรีย์ ณ วิทยาเขตภูเก็ต ประดิษฐานบริเวณหน้าสำนักงานอธิการบดี วิทยาเขตภูเก็ต องค์พระรูปจัดสร้างในลักษณะประทับพระเก้าอี้ ขนาดสองเท่าพระองค์จริง หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีน้ำหนักองค์พระรูปประมาณ 1,700 กิโลกรัม ประติมากร คือ คุณกองเกต ชนะพันธุ์ ประติมากรชำนาญการพิเศษ กลุ่มประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ได้มีพิธีอัญเชิญพระรูปจากสำนักช่างสิบหมู่ อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม มายังจังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2555