ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หลายหน่วยงานในภูเก็ตทั้งภาครัฐ เอกชน ผนึกกำลังร่วมจัดกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล (GO-ECO PHUKET) ครั้งที่ 2 ชายหาดสะอ้าน บ้านปลาสะอาด คืนธรรมชาติสู่ภูเก็ต
วันนี้ (26 ก.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อคาเดียรีสอร์ท แอนด์สปา อ.เมือง จ.ภูเก็ต น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายสันติ ป่าหวาย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 นายชาญชัย ดวงจิตต์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต นายสมณ์ศักดิ์ รัตนแสนยานุภาพ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต น.อ.เพชรัตน เทียนจันทร์ ผู้แทนทัพเรือภาคที่ 3 ผู้แทนชมรม GO-ECO PHUKET และผู้สนับสนุน ร่วมกันแถลงข่าวการจัดทำโครงการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล (GO-ECO PHUKET) ครั้งที่ 2 ชายหาดสะอ้าน บ้านปลาสะอาด คืนธรรมชาติสู่ภูเก็ต ซึ่งทางศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 3 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เทศบาลตำบลฉลอง ชมรม GO-ECO PHUKET ตลอดจนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ และกลุ่มอาสาสมัครจัดขึ้น ในวันที่ 4 สิงหาคม 2556 เป็นกิจกรรมปั่นจักรยานรณรงค์ลดการใช้พลังงาน และแปรอักษรเป็นพระนามาภิไธย่อ สก ที่สนามกีฬาสุระกุล และวันที่ 13 สิงหาคม 2556 เป็นกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะบริเวณเกาะเฮ เกาะราชาใหญ่ และเกาะราชาน้อย อ.เมืองภูเก็ต
น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาการทิ้งขยะตามแนวชายฝั่งและในทะเล ทั้งจากประชาชน นักท่องเที่ยว ชุมชน บ้านเรือน ที่พัก เรือท่องเที่ยว เรือประมง รวมถึงกิจกรรมกรรมการทำประมง ขยะที่เกิดจากการพัฒนาพื้นที่ตามชายฝั่ง และการขนส่งทางทะเล เช่น พลาสติก ขวดแก้ว โฟม เหล็ก วัสดุจากการก่อสร้าง ยางรถยนต์ เศษอวน เชือก เป็นต้น เมื่อลงไปในทะเลแล้วก็จะไปคลุมทับถมบนแนวปะการัง หรือแหล่งหญ้าทะเล ทำให้ปะการังแตกหักเสียหาย และบางส่วนก็มีผลทำให้ปะการังตาย ส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพใต้ท้องทะเล ทำให้ขาดความสวยงาม ระบบนิเวศทางทะเลเสื่อมโทรม และเป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเลหายาก เช่น พะยูน เต่าทะเล โลมา เป็นต้น และปริมาณขยะก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในการจัดกิจกรรมครั้งที่ผ่านมา สามารถเก็บขยะได้มากถึง 7.5 ตัน
ดังนั้น จึงนับเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน เพราะเป้าหมายของจังหวัดภูเก็ต คือ การเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก โดยในระหว่างเดือนมกราคา-กรกฎาคมนี้ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วจำนวน 8.2 ล้านคน และเมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรใต้ทะเลให้มีความสวยงาม และเกิดความยั่งยืน โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วน และการจัดกิจกรรมดังกล่าวก็มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อปลุกจิตสำนึกให้เกิดการรณรงค์ไม่ทิ้งขยะ สร้างจิตสำนึกการท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงการท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่าในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อส่งเสริม เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในธุรกิจดำน้ำของจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนเพื่อให้เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนในการดูแลรักษาพื้นที่จังหวัดภูเก็ต