ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ดีเอสไอ ร่วมกับ จนท.ป่าไม้ กำลังทหาร และตำรวจบุกตรวจสอบพื้นป่าสงวน อ. เทพา พบถูกบุกรุกแผ้วถางนับร้อยไร่ และมีการตักหน้าดินไปขายจำนวนมาก โดยคุมตัวคนงาน 8 คน ไปสอบสวนขยายผล พร้อมเชิญเจ้าของที่ซึ่งอ้างว่ามีเอกสารสิทธิมาชี้แจง เนื่องจากเป็นพื้นที่ทับซ้อน
เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (20 ก.ค.) พ.ต.อภิชัย เตียยะกุล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 9 นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกับนายสุริยะ ถาวรแก้ว ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมกว่า 50 นาย บุกเข้าตรวจสอบพื้นที่ทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปากช้าง ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มนายทุนเข้าไปลักลอบตัดไม้ และขุดตักหน้าดินไปขายอย่างต่อเนื่อง
โดยหลังเข้าไปตรวจสอบ พบว่า มีพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางไปเป็นจำนวนนับร้อยไร่ โดยส่วนหนึ่งมีการแปรรูปเป็นไม้แผ่นส่งขายให้แก่กลุ่มนายทุน นอกจากนั้น ยังมีการใช้รถแบ็กโฮทำทางเป็นขั้นบันไดให้รถบรรทุกทั้งหกล้อ และสิบล้อ วิ่งขึ้นไปเอาหน้าดินบนเนินเขาด้วย ซึ่งในขณะที่เจ้าหน้าที่ไปถึง ได้พบกับกลุ่มคนงานทั้งชาย และหญิง กำลังใช้เลื่อยยนต์ตัดโค่นไม้ใหญ่ และแปรรูปไม้แผ่นกันอย่างขะมักเขม้น และอีกส่วนหนึ่งก็กำลังขุดตักหน้าดิน โดยมีรถบรรทุกทยอยกันขนดินเข้าออกอยู่เป็นระยะ
ขณะเดียวกัน เมื่อเจ้าหน้าที่พากันเดินเท้าขึ้นไปสำรวจบนยอดเขาปรากฏว่า ยังพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งต้นต้นไม้เล็กใหญ่ถูกตัดโค่นจนเหลือแต่ตอ ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้น่าจะมีการแปรสภาพพื้นที่ทำเป็นขั้นบันไดสำหรับปลูกยางพาราต่อไป โดยตลอดระยะทางที่เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจได้มีการติดแผ่นป้ายระบุว่า ที่ดินในบริเวณดังกล่าวมีเจ้าของ หากผู้ใดบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมคนงานเอาไว้รวม 8 คน เป็นคนงานชาย 7 คน และหญิงอีก 1 คน พร้อมตรวจยึดรถบรรทุกดินเอาไว้ จำนวน 5 คัน รถแบ็กโฮ 2 คัน รถยนต์กระบะบรรทุกไม้ 2 คัน และเลื่อยยนต์อีก 1 เครื่อง รวมทั้งได้กันพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวเอาไว้ตรวจสอบ และวัดพิกัดอย่างละเอียดอีกครั้งว่า เป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปากช้าง หรือว่าเป็นที่ดินที่มีการออกเอกสารสิทธิถูกต้อง ทั้ง น.ส.3ก. และ ส.ค.1 อย่างที่กลุ่มคนงานได้กล่าวอ้างกันแน่
พ.ต.อภิชัย เตียยะกุล ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 9 เปิดเผยว่า ตนในฐานะที่ได้รับการมอบหมายให้ดูแล และรับผิดชอบในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา พัทลุง ตรัง และสตูล หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากว่า พบพื้นที่ป่าสงวนถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกแผ้วถางเป็นบริเวณกว้าง และมีการลักลอบขุดตักหน้าดินไปขาย จึงได้ประสานงานกับผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร มทบ.42 ค่ายเสนาณรงค์ เข้าตรวจสอบ
ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า มีพื้นที่ป่าถูกบุกรุกจริง แต่ยังไม่ทราบจำนวนที่ชัดเจนว่ามีกี่ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าทับซ้อน ระหว่างป่าสงวนแห่งชาติ กับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปากช้าง จึงต้องมีการใช้เครื่องมือจีพีเอสในการตรวจสอบหาพิกัดแนวเขตที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนกลุ่มคนงานที่ควบคุมตัวเอาไว้นั้น จะส่งไปสวบสวนที่ สภ.เทพา จ.สงขลา รวมทั้งจะเรียกตัวผู้ว่าจ้างซึ่งบอกว่าเป็นเจ้าของที่ดิน และมีเอกสารสิทธิถูกต้องมาทำการสอบสอนและชี้แจงด้วย ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริงทั้งหมดก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก และลักทรัพย์
เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (20 ก.ค.) พ.ต.อภิชัย เตียยะกุล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 9 นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกับนายสุริยะ ถาวรแก้ว ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมกว่า 50 นาย บุกเข้าตรวจสอบพื้นที่ทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปากช้าง ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มนายทุนเข้าไปลักลอบตัดไม้ และขุดตักหน้าดินไปขายอย่างต่อเนื่อง
โดยหลังเข้าไปตรวจสอบ พบว่า มีพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางไปเป็นจำนวนนับร้อยไร่ โดยส่วนหนึ่งมีการแปรรูปเป็นไม้แผ่นส่งขายให้แก่กลุ่มนายทุน นอกจากนั้น ยังมีการใช้รถแบ็กโฮทำทางเป็นขั้นบันไดให้รถบรรทุกทั้งหกล้อ และสิบล้อ วิ่งขึ้นไปเอาหน้าดินบนเนินเขาด้วย ซึ่งในขณะที่เจ้าหน้าที่ไปถึง ได้พบกับกลุ่มคนงานทั้งชาย และหญิง กำลังใช้เลื่อยยนต์ตัดโค่นไม้ใหญ่ และแปรรูปไม้แผ่นกันอย่างขะมักเขม้น และอีกส่วนหนึ่งก็กำลังขุดตักหน้าดิน โดยมีรถบรรทุกทยอยกันขนดินเข้าออกอยู่เป็นระยะ
ขณะเดียวกัน เมื่อเจ้าหน้าที่พากันเดินเท้าขึ้นไปสำรวจบนยอดเขาปรากฏว่า ยังพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งต้นต้นไม้เล็กใหญ่ถูกตัดโค่นจนเหลือแต่ตอ ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้น่าจะมีการแปรสภาพพื้นที่ทำเป็นขั้นบันไดสำหรับปลูกยางพาราต่อไป โดยตลอดระยะทางที่เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจได้มีการติดแผ่นป้ายระบุว่า ที่ดินในบริเวณดังกล่าวมีเจ้าของ หากผู้ใดบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมคนงานเอาไว้รวม 8 คน เป็นคนงานชาย 7 คน และหญิงอีก 1 คน พร้อมตรวจยึดรถบรรทุกดินเอาไว้ จำนวน 5 คัน รถแบ็กโฮ 2 คัน รถยนต์กระบะบรรทุกไม้ 2 คัน และเลื่อยยนต์อีก 1 เครื่อง รวมทั้งได้กันพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวเอาไว้ตรวจสอบ และวัดพิกัดอย่างละเอียดอีกครั้งว่า เป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปากช้าง หรือว่าเป็นที่ดินที่มีการออกเอกสารสิทธิถูกต้อง ทั้ง น.ส.3ก. และ ส.ค.1 อย่างที่กลุ่มคนงานได้กล่าวอ้างกันแน่
พ.ต.อภิชัย เตียยะกุล ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 9 เปิดเผยว่า ตนในฐานะที่ได้รับการมอบหมายให้ดูแล และรับผิดชอบในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา พัทลุง ตรัง และสตูล หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากว่า พบพื้นที่ป่าสงวนถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกแผ้วถางเป็นบริเวณกว้าง และมีการลักลอบขุดตักหน้าดินไปขาย จึงได้ประสานงานกับผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร มทบ.42 ค่ายเสนาณรงค์ เข้าตรวจสอบ
ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า มีพื้นที่ป่าถูกบุกรุกจริง แต่ยังไม่ทราบจำนวนที่ชัดเจนว่ามีกี่ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าทับซ้อน ระหว่างป่าสงวนแห่งชาติ กับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปากช้าง จึงต้องมีการใช้เครื่องมือจีพีเอสในการตรวจสอบหาพิกัดแนวเขตที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนกลุ่มคนงานที่ควบคุมตัวเอาไว้นั้น จะส่งไปสวบสวนที่ สภ.เทพา จ.สงขลา รวมทั้งจะเรียกตัวผู้ว่าจ้างซึ่งบอกว่าเป็นเจ้าของที่ดิน และมีเอกสารสิทธิถูกต้องมาทำการสอบสอนและชี้แจงด้วย ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริงทั้งหมดก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก และลักทรัพย์