ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คณะอนุกรรมการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด ร่วมเสนอปัญหาการคัดกรองนักเรียนกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษา
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่ห้องประชุม 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต นายอนุรักษ์ รุ่งเรือง รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด ครั้งที่ 2/2556 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของคณะทำงานฝ่ายต่างๆ โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ป้องกันจังหวัดภูเก็ต ศพส.อ.เมืองภูเก็ต ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 8 วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการชี้แจงนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ปี 2556 ของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่สถานศึกษาต้องดำเนินการโดยเร็ว ได้แก่ การคัดกรองนักเรียนกลุ่มเสี่ยง เพื่อค้นหาเด็กที่เป็นผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษา, การดำเนินงานของคณะทำงานเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต, สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 14, สังกัดคณะกรรมการอาชีวศึกษาจังหวัดภูเก็ต, สังกัดสำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต, สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดภูเก็ต ในเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันให้นักเรียนก่อนวัยเสี่ยง (ป.5-6 ), โรงเรียนเป้าหมายมีกระบวนการป้องกันเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหายาเสพติด, โครงการส่งเสริมและพัฒนาวิทยากรป้องกันยาเสพติด, โครงการจิตสังคมบำบัดในสถานศึกษา และโครงการส่งกิจกรรมป้องกัน และเฝ้าระวังยาเสพติดในสถานศึกษา ตลอดจนสรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะตามภารกิจหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำเสนอปัญหาเรื่องการคัดกรองนักเรียนกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษา ซึ่งพบว่า ยังมีปัญหากรณีที่ยังไม่ได้กลุ่มนักเรียนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเสพยาเสพติดที่แท้จริง ที่พบจะเป็นกลุ่มที่สูบบุหรี่ และดื่มสุรา เนื่องจากแรงเสียดทานที่สถานศึกษา และครูผู้รับผิดชอบได้รับจากผู้ปกครอง เนื่องจากส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับว่าบุตรหลานของตัวเองเสพยาเสพติด และตัวเด็กเอง ประกอบกับครูผู้ทำหน้าที่ในการคัดกรองเด็กกลุ่มเสี่ยงขาดความรู้ทางวิชาการในการตรวจสอบ จึงเกิดการไม่ยอมรับ ดังนั้น ได้มีการเสนอแนะให้ทางเขตพื้นที่ฯ เข้าไปทำความเข้าใจกับสถานศึกษา และผู้ปกครองเพื่อให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของการดำเนินการ และจะได้แก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง และยั่งยืน