กระบี่ - เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี นำหมายบังคับคดีลงพื้นที่เกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ปิดประกาศให้เอกชนที่อ้างสิทธิครอบครองออกจากพื้นที่ และรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างภายใน 8 วัน หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (10 ก.ค.) นายไชยธัช บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้นำมายบังคับคดีลงพื้นที่เกาะปอดะ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หมู่ 2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อปิดประกาศหมายบังคับคดีให้ผู้อ้างสิทธิครอบครอง พร้อมบริวารออกจากพื้นที่ พร้อมให้รื้อสิ่งปลูกสร้าง ประกอบด้วย อาคารที่พักอาศัย ร้านค้า ทั้งแบบตึกและแบบไม้ รวมจำนวน 35 หลัง และรั้วลวดหนามคอนกรีตอีก 1 รายการ ออกจากพื้นที่ภายใน 8 วัน หากไม่ดำเนินการเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดจับกุมผู้บุกรุกทั้งหมด และเข้ายึดพื้นที่ พร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2556 นี้ โดยก่อนปิดหมาย เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงให้นายสกล สุวิมลรัตน์ อายุ 52 ปี ซึ่งอ้างเป็นพนักงาน ได้รับทราบข้อกล่าวหา
นายไชยธัช กล่าวว่า การลงพื้นนำบังคับคดีปิดประกาศบริเวณเกาะปอดะ เนื่องจากศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ของ จำเลย คือนายชวน ภูเก้าล้วน เลขที่ 750, 757 และ 759 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ และให้ขับไล่จำเลย และบริวารออกไปพร้อมให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินดังกล่าว กับให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมให้แก่โจทก์ และค่าทนายความ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามแต่อย่างใด จึงต้องนำเจ้าหน้าที่ลงมาปิดหมายดังกล่าว โดยให้เวลา 8 วัน หากยังไม่ดำเนินการ ทางอุทยานฯ ก็จะทำการรื้อถอนเอง ภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ โดยจำเลยจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด หลังจากนั้น จะตั้งเป็นที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานเกาะปอดะ มีเจ้าหน้าที่ประจำ
นายไชยธัช กล่าวอีกว่า สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อปี 2528 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เป็นโจทก์ฟ้อง นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ศรีผ่องพาณิชย์ จำกัด ที่อ้างสิทธิครอบครองพื้นที่เกาะปอดะ พื้นที่ 71 ไร่ โดยมีการสู้คดีกันถึง3 ศาล รวมระยะเวลากว่า 26 ปี ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้คืนพื้นที่ให้ตกเป็นของกรมอุทยานฯ และล่าสุด ทางเอกชนรายดังกล่าวยังทำประโยชน์ในพื้นที่โดยเก็บค่าขึ้นเกาะต่อนักท่องเที่ยวตามปกติ อุทยานฯ และสำนักงานบังคับคดีลงไปปิดหมายดังกล่าว เพื่อให้จำเลย พร้อมบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันทรัพย์สิน และสิ่งปลูกสร้างบนเกาะปอดะ รวมที่ดินมีมูลค่าสูงมากไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (10 ก.ค.) นายไชยธัช บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้นำมายบังคับคดีลงพื้นที่เกาะปอดะ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หมู่ 2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อปิดประกาศหมายบังคับคดีให้ผู้อ้างสิทธิครอบครอง พร้อมบริวารออกจากพื้นที่ พร้อมให้รื้อสิ่งปลูกสร้าง ประกอบด้วย อาคารที่พักอาศัย ร้านค้า ทั้งแบบตึกและแบบไม้ รวมจำนวน 35 หลัง และรั้วลวดหนามคอนกรีตอีก 1 รายการ ออกจากพื้นที่ภายใน 8 วัน หากไม่ดำเนินการเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดจับกุมผู้บุกรุกทั้งหมด และเข้ายึดพื้นที่ พร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2556 นี้ โดยก่อนปิดหมาย เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงให้นายสกล สุวิมลรัตน์ อายุ 52 ปี ซึ่งอ้างเป็นพนักงาน ได้รับทราบข้อกล่าวหา
นายไชยธัช กล่าวว่า การลงพื้นนำบังคับคดีปิดประกาศบริเวณเกาะปอดะ เนื่องจากศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ของ จำเลย คือนายชวน ภูเก้าล้วน เลขที่ 750, 757 และ 759 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ และให้ขับไล่จำเลย และบริวารออกไปพร้อมให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินดังกล่าว กับให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมให้แก่โจทก์ และค่าทนายความ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามแต่อย่างใด จึงต้องนำเจ้าหน้าที่ลงมาปิดหมายดังกล่าว โดยให้เวลา 8 วัน หากยังไม่ดำเนินการ ทางอุทยานฯ ก็จะทำการรื้อถอนเอง ภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ โดยจำเลยจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด หลังจากนั้น จะตั้งเป็นที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานเกาะปอดะ มีเจ้าหน้าที่ประจำ
นายไชยธัช กล่าวอีกว่า สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อปี 2528 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เป็นโจทก์ฟ้อง นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ศรีผ่องพาณิชย์ จำกัด ที่อ้างสิทธิครอบครองพื้นที่เกาะปอดะ พื้นที่ 71 ไร่ โดยมีการสู้คดีกันถึง3 ศาล รวมระยะเวลากว่า 26 ปี ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้คืนพื้นที่ให้ตกเป็นของกรมอุทยานฯ และล่าสุด ทางเอกชนรายดังกล่าวยังทำประโยชน์ในพื้นที่โดยเก็บค่าขึ้นเกาะต่อนักท่องเที่ยวตามปกติ อุทยานฯ และสำนักงานบังคับคดีลงไปปิดหมายดังกล่าว เพื่อให้จำเลย พร้อมบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันทรัพย์สิน และสิ่งปลูกสร้างบนเกาะปอดะ รวมที่ดินมีมูลค่าสูงมากไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท