ตรัง - สังหารโหดม่ายสาววัย 44 ปี เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ค้าส่งน้ำมันชื่อดังของเมืองตรัง-สตูล ดับ ต่อหน้าต่อตาลูกสาว 5 ขวบ ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านโดยที่ไม่ทราบว่าตัวเองถูกยิง ตำรวจมุ่งปมความขัดแย้งเรื่องชู้สาว และธุรกิจ
เมื่อเวลา 23.00 น. วานนี้ (30 มิ.ย.) ร.ต.ต.ฐปนรรฆ์ ทองแป้น ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต และบาดเจ็บที่บริเวณบ้านเลขที่ 48/1 ม.4 ต.บ้านควน อ.เมืองตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ต.เอกพงษ์ ทั่งจันทร์แดง สว.สส.สภ.เมืองตรัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ จ.ตรัง แพทย์เวร รพ.ตรัง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง
โดยที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น พบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ 4 ประตู ป้ายแดง ทะเบียน ฐ 5989 ตรัง จอดอยู่หน้าบ้าน พบร่างของผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อสีน้ำตาลนุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ทราบชื่อคือ น.ส.มัสทรีส์ ชนันธรศิริกุล อายุ 44 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และค้าส่งน้ำมันชื่อดังของ จ.ตรัง และ จ.สตูล ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณศีรษะด้านขวา กระสุนทะลุลำคอซ้าย จำนวน 1 นัด นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ ด.ญ.ปานไพลิน แซ่หลี อายุ 5 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรสาวผู้ตาย โดยกระสุนแฉลบเข้าที่สะบักหลังซ้าย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง รพ.ตรัง เพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตแล้ว ที่หน้าประตูบ้านพบมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ 2 ตัว และที่ประตูกระจกบ้านมีร่องรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืน
จากการสอบสวน น.ส.นพมาศ ศิริพันธ์ อายุ 25 ปี พี่เลี้ยงให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.มัสทรีส์ ผู้ตาย ได้เดินทางกลับจากไปหาแฟนหนุ่มที่เป็นทหาร จ.สตูล จากนั้นได้พาลูกๆ ออกไปรับประทานอาหารค่ำนอกบ้าน และกลับเข้ามาบ้านเมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 30 มิถุนายน เมื่อมาถึงตนได้นำรถยนต์อีกคันไปจอดที่โรงรับฝากรถในตัวเมืองตรัง แต่เมื่อกลับมาถึงกับพบว่า น.ส.มัสทรีส์ ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว โดยที่ ด.ญ.ปานไพลิน ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน โดยที่ไม่ทราบว่าตัวเองถูกยิง ส่วน ด.ช.ธนกฤติ อายุ 11 ปี และ ด.ช.ธนกร อายุ 3 ปี ลูกชายอีก 2 คนของผู้ตาย ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เมื่อสอบถามลูกๆ ของผู้ตายทราบว่า ขณะที่แม่กำลังยืนหันหลังไขประตูจะเข้าบ้านก็ได้มีคนร้าย จำนวน 1 คน ใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเดินถือปืนเข้ามายิงใส่แม่จนล้มคว่ำเสียชีวิต และหลบหนีไปยังถนนอีกฝั่ง
พี่เลี้ยงยังเล่าต่อว่า น.ส.มัสทรีส์ ผู้ตาย เคยมีสามีมาแล้ว 1 คน มีลูกด้วยกัน 3 คน โดยทำธุรกิจเกี่ยวกับรับเหมา มีทั้งรถแบ็กโฮ และรถบรรทุก 10 ล้อ แต่ได้ให้น้องชายสามี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านดูแล ส่วนตัวเองทำธุรกิจหลักค้าน้ำมัน และยังถือเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ด่านวังประจัน จ.สตูล ด้วย กระทั่งสามีได้เสียชีวิตไปแล้ว ผู้ตายก็กลายมาเป็นแม่ม่ายที่มีหน้าตาสวย และรูปร่างดี ก็ได้มาคบหากับ ด.ต.สายัณห์ กิตติเวชวรกุล น้องชายของอดีตนายก อบต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ ด.ต.สายัณห์ คบหากับ น.ส.มัสทรีส์ ผู้ตาย ก็มีปัญหาขัดแย้งกันเรื่องธุรกิจส่วนตัวกันอยู่เสมอ จนสุดท้ายต้องเลิกรากันไป แต่ฝ่ายชายก็ยังตามมาอาละวาดทุบรถยนต์ และมีการข่มขู่ จนกระทั่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้ตายต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองตรัง และมีการระวังตัวเองตลอดเวลา โดยพยายามไม่ออกนอกบ้านเมื่อไม่จำเป็น และส่วนใหญ่จะอยู่ที่ จ.สตูล นานๆ ครั้งจะเดินทางกลับมาเยี่ยมลูกซึ่งฝากพี่เลี้ยงดูแลอยู่ที่ จ.ตรัง กระทั่งมาถูกยิงเสียชีวิต ท่ามกลางความโศกเศร้าของลูกน้อยที่เหลือทั้ง 3 คน ซึ่งบัดนี้ต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปทั้งหมดแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง หลังเกิดเหตุได้สั่งให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง และ ภ.จว.ตรัง ออกติดตามไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่าน่าจะมี 2 คน และใช้รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ พร้อมกับเตรียมนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้หน้าบ้านทั้ง 2 ตัว และข้างบนอีก 1 ตัว มาตรวจสอบ เพราะคาดว่าน่าจะบันทึกเหตุการณ์ระหว่างลงมือสังหารเอาไว้ได้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนสาเหตุการสังหารโหดในครั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งไปที่ปมประเด็นความขัดแย้งเรื่องธุรกิจส่วนตัว และเรื่องชู้สาว