ตรัง - พนักงานสอบสวนเมืองตรัง เรียกตัว ด.ต.สภ.สิเกา มาสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัยแล้ว พร้อมยึดปืน 9 มม. ส่งตรวจสอบ ยอมรับมีสัมพันธ์กันกว่า 2 ปี และหึงหวงทุบรถยนต์จริง ก่อนจะเคลียร์ปัญหาจบด้วยดี
จากกรณีที่มีคนร้ายได้บุกเข้าสังหาร น.ส.มัสทรีส์ ชนันธรศิริกุล อายุ 44 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และน้ำมันชื่อดังของ จ.ตรัง และสตูล ที่บริเวณบ้านเลขที่ 48/1 ม.4 ต.บ้านควน อ.เมืองตรัง และกระสุนยังแฉลบไปโดน ด.ญ.ปานไพลิน แซ่หลี อายุ 5 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรสาวผู้ตาย ถูกเข้าที่สะบักหลังซ้ายจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (2 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองตรัง ได้ประสานไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด สภ.สิเกา เพื่อขอตัว ด.ต.นายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตชายหนุ่มที่มาติดพันกับผู้ตายก่อนเพิ่งจะเลิกรากันไป หลังจากได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าวมาสอบปากคำ พร้อมกับยึดอาวุธปืนพกประจำกาย ขนาด 9 มม. ส่งไปตรวจพิสูจน์ที่กองวิทยาการพิสูจน์หลักฐาน ภาค 9 จ.สงขลา ร่วมกับหลักฐานอื่นๆ ที่สามารถตรวจยึดได้ในที่เกิดเหตุ เช่น ก้นบุหรี่ และหัวกระสุนปืนเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอของคนร้าย
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ ด.ต.คนดังกล่าว ก็ยอมรับว่ารู้จัก และคบหากับผู้ตายมานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยระหว่างที่คบหากัน ฝ่าย ด.ต.จับได้ว่า ผู้ตายได้พาแฟนใหม่ที่เป็นทหาร จ.สตูล มาอยู่ที่บ้านด้วยกัน ด้วยความหึงหวง ประกอบกับอารมณ์ชั่ววูบจึงได้ลงมือทุบรถยนต์ของผู้ตายจนได้รับความเสียหาย กระทั่งต่อมา ทางผู้ตายได้เข้าพบ นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งต่อมาทางฝั่งของ ด.ต. ได้ยอมชดใช้ค่าเสียหาย และได้เลิกกับผู้ตายโดยไม่ได้มีการติดต่อกลับไปอีก
ด้าน พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ชินรี หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง เปิดเผยว่า การเรียก ด.ต.นายดังกล่าวมาสอบปากคำในครั้งนี้นั้น ไม่ใช่ในฐานะผู้ต้องหา แต่เป็นเพียงผู้ต้องสงสัย และในฐานะพยานผู้ให้ถ้อยคำ เนื่องจากเคยคบหากันกับผู้ตาย อีกทั้งพยานหลักฐานที่ได้มาก็ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุคือใคร ฉะนั้น ทางตำรวจจึงยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ได้ แต่หากพบพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่ากระทำความผิดจริง ก็สามารถออกหมายจับ และแจ้งข้อกล่าวหาในทันที ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบปากคำ ด.ต.ก็ให้ความร่วมมือกับทางพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี และไม่ได้มีอาการวิตกกังวลแต่อย่างใด ซึ่งทางตำรวจก็สอบไปตามข้อเท็จจริง
ขณะเดียวกัน ตำรวจยังได้เรียกลูกชายทั้ง 2 คนของผู้ตายมาสอบปากคำด้วย ซึ่งก็ให้การเพียงว่า ขณะเกิดเหตุเห็นคนร้ายใช้ผ้าพันปิดบังใบหน้าจนเหลือเฉพาะตาทั้ง 2 ข้าง แล้วได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้เป็นแม่ จำนวน 2 นัด จนเสียชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทางตำรวจนำมาตรวจสอบ แม้ว่าจะไม่สามารถเห็นใบหน้าของคนร้ายชัดเจน แต่ก็สามารถนำลักษณะกายภาพของคนร้ายมาประกอบเป็นหลักฐานได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นคดีที่ประชาชน และผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดไปได้มากกว่านี้ เพราะเกรงจะเสียรูปคดี และทำให้คนร้ายไหวตัวหลบหนีไปได้ ส่วนพี่ชายของผู้ตายก็ได้เข้าให้ปากคำว่า ก่อนหน้านี้น้องสาวเคยโทรศัพท์มาปรึกษาว่าตอนนี้ไม่สามารถอยู่ใน จ.ตรัง ได้แล้ว เพราะกำลังถูกตามล่าตัวอยู่ โดยมีสาเหตุมาจากอีกฝ่ายหึงหวงไม่ยอมให้เลิก และหากเลิกก็จะตายแน่ ส่วนความขัดแย้งเรื่องอื่นไม่ทราบ เพราะน้องสาวไม่เคยเล่าให้ฟัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง แพทย์ได้อนุญาตให้ ด.ญ.อายุ 5 ขวบ บุตรสาวของผู้ตายที่ถูกลูกหลงกระสุนปืนของคนร้ายยิงใส่กลับบ้านได้แล้ว แม้จะมีอาการดีขึ้น แต่สภาพจิตใจยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับต้องสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน ทำให้ญาติๆ ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ที่คอยคุ้มกันดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดหวั่นคนร้ายลอบฆ่าปิดปาก