สุราษฎร์ธานี - “ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงใต้ ติดตามโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม ร่วมเดินทางลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานภายในกระทรวงมหาดไทย 24 จังหวัด กว่า 300 คน
เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมดินโคลนถล่ม ก่อสร้างแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ เพื่อที่รัฐบาลจะใช้เป็นนโยบายกระจายเงินกู้กว่า 3.3 แสนล้านบาท ลงพื้นที่ในการนำมาช่วยแก้ปัญหา และให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง และเกิดน้ำท่วมรุนแรงซ้ำซากเกือบจะทุกๆ ปี พร้อมกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งติดตามการขุดดินของบ่อทุกแห่งที่เหตุดินถล่มในช่วงหน้าฝน พร้อมสั่งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนเได้รับมอบหมายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้มาดูโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ทั้งหมด รวมถึงผู้ว่าราชการที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลทั้ง 24 จังหวัด พร้อมกันนี้ ทางนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตน และกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่ติดตามดูปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดพังงา พร้อมสั่งการผ่านกระทรวงมหาดไทยเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น เช่น นำถุงยังชีพออกแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยเบื้องต้นก่อน และทางกระทรวงทรัพยากรฯ ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำลงไปติดตั้งในพื้นที่เพื่อเร่งสูบระบายน้ำที่ท่วมขังระบายลงสู่ทะเล พร้อมนำรถโมบายผลิตน้ำดื่มลงไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้
และได้สั่งการให้ผู้อำนวยการทรัพยากรน้ำภาค 8 และภาค 10 ที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด ให้เร่งดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพราะในช่วงนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในภาคใต้ปริมาณน้ำทั้งหมดจะมากกว่าทุกภาค และเป็นพื้นที่ที่ติดกับทะเล พร้อมกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม หากมีปริมาณน้ำฝนมากเกินกว่าที่กำหนดให้เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ไปอยู่ในที่ปลอดภัย และเร่งเข้าช่วยเหลือฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน
