ยะลา - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุเหตุระเบิดปืนใหญ่พญาตานีจำลอง ทำลายความหวัง และโอกาสของพี่น้องประชาชนที่ต้องการให้ชุมชนกรือเซะเป็นแหล่งเรียนรู้ และสถานที่ท่องเที่ยวสร้างรายได้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์/โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายได้วางระเบิดแบบแสวงเครื่อง เป็นเหตุให้ปืนใหญ่พญาตานีจำลองชำรุดเสียหาย เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (11 มิ.ย.) นั้น
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อพี่น้องประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวชุมชนกรือเซะ ที่ถูกทำลายความหวังโดยกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีกลุ่มบุคคลพยายามสร้างสถานการณ์ และแอบอ้างเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ เพื่อสร้างความแตกแยก และเกลียดชังระหว่างพี่น้องประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิต และเศรษฐกิจของชุมชนกรือเซะ รวมทั้งความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของเมือง 3 วัฒนธรรมด้วย
สำหรับปืนใหญ่พญาตานีจำลอง ได้นำเข้ามาติดตั้งที่ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวอารยธรรมปัตตานี มัสยิดกรือเซะ ต.ตันหยงลูโล๊ะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 2 มิ.ย 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอนุรักษ์ และฟื้นฟูจารีตประเพณีท้องถิ่น และส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นความต้องการร่วมกันของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดปัตตานี และบริเวณใกล้เคียงที่ต้องการให้ชุมชนกรือเซะเป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถสร้างรายได้ และเป็นความภาคภูมิใจของพี่น้องประชาชน
การก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ เป็นการทำลายความหวัง ทำลายโอกาส และทำลายความต้องการของพี่น้องประชาชนที่จะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นพฤติกรรมแบบสุดโต่งของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่สวนทางกับความต้องการที่แท้จริงของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวยุติพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน และทำลายบรรยากาศการสร้างสันติภาพในพื้นที่ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันประณามการกระทำดังกล่าว และรวมพลังปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบเพื่อนำสันติสุขคืนสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
ส่วนทางด้านคดีนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเข้าตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และวัตถุพยานอื่นๆ ส่วนการบูรณะต่อไปนั้น จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะต้องเข้าไปบูรณะซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายต่อไป