หนองคาย - เทศบาลเมืองหนองคายและเจ้าของบั้งไฟมรณะเข้าให้ปากคำตำรวจ เบื้องต้นตั้งข้อหาร่วมกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนคนขับรถยังไม่ตายแต่อาการสาหัส ถูกส่งต่อที่โรงพยาบาลอุดรธานี จังหวัดสั่งล้อมคอก หวั่นเกิดเหตุซ้ำ
วันนี้ (27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเกิดเหตุบั้งไฟของน้องปลายฟ้า บึงกาฬ พุ่งจากฐานปล่อยเป็นแนวราบชนรถยนต์โตโยต้า โคโรลล่า สีเขียว ทะเบียน กค 2142 หนองคาย ที่มีนายอนุวัฒน์ พินธุวงศ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 266 หมู่ 1 ต.ปะโค อ.เมือง จ.หนองคาย เป็นคนขับ น.ส.เสงี่ยม สนธิรัตน์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 253 หมู่ 7 ต.ปะโค สมาชิกสภาเทศบาลตำบลปะโค นั่งโดยสารมาด้วย จนเกิดไฟลุกไหม้เป็นเหตุให้ น.ส.เสงี่ยมถูกไฟคลอกเสียชีวิตทันที ส่วนนายอนุวัฒน์ได้รับบาดเจ็บสาหัสไฟคลอกทั้งตัว ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหนองคาย และส่งต่อโรงพยาบาลอุดรธานี เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 11.30 น.วันที่ 26 พฤษภาคม เหตุเกิดในงานบุญบั้งไฟเดือน 6 ที่ชุมชนวัดธาตุ ร่วมกับเทศบาลเมืองหนองคาย จัดขึ้นที่ทุ่งนาหนองตั๋ว บ้านเบิด ต.วัดธาตุ อ.เมือง
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (27 พ.ค.) นายสุเทพ อินทะชัย รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย เข้าพบ ร.ต.อ.เจษฎา ว่องไว พนักงานสอบสวน สภ.เมือง พร้อมด้วยนายธงชัย คำภักดี อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 4 ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย เจ้าของบั้งไฟ โดยนายสุเทพได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟเดือน 6 เช่น กฎระเบียบ ข้อกำหนดของบั้งไฟที่ใช้ในการแข่งขันมาให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายสุเทพกล่าวว่า ได้รับการประสานจากญาติของนายอนุวัฒน์ว่านายอนุวัฒน์ยังมีชีวิตอยู่ แต่อาการสาหัส อยู่ในห้องปลอดเชื้อ ชั้น 7 โรงพยาบาลอุดรธานี ซึ่งแพทย์ต้องดูอาการอย่างใกล้ชิดเนื่องจากถูกไฟคลอกหลายแห่งตามร่างกาย อาการน่าเป็นห่วง ซึ่งเทศบาลจะให้การดูแลทุกอย่าง ส่วนในรายของ น.ส.เสงี่ยม เทศบาลฯ ได้เป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพ และให้การช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นแก่ญาติ โดยในการจัดงานบุญบั้งไฟนั้นได้มีการเก็บเงินประกันจากเจ้าของบั้งไฟที่เข้าร่วมการแข่งขันรายละ 1,000 บาท มีทั้งหมด 250 บั้ง เป็นเงิน 250,000 บาท ซึ่งจะได้นำไปเป็นค่าเยียวยาแก่ญาติผู้เสียชีวิตก่อน
สำหรับงานบุญบั้งไฟเดือน 6 เป็นงานที่ชุมชนวัดธาตุ ร่วมกับเทศบาลเมืองหนองคายจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ซึ่งวันที่ 23 มิถุนายน 2556 ก็จะเป็นงานประเพณีบุญบั้งไฟเดือน 7 ที่เทศบาลจัดเอง จะมีการพิจารณาร่วมกับหลายฝ่ายอีกครั้ง ว่าจะจัดงานหรือมีมาตรการอย่างไร
ด้านนายธงชัย เจ้าของบั้งไฟน้องปลายฟ้า บึงกาฬ กล่าวว่า ตนเป็นช่างทำบั้งไฟมานานกว่า 20 ปีแล้ว บั้งไฟที่เกิดเหตุเรียกว่าบั้งไฟหมื่น คือ มีการบรรจุดินประสิว กำมะถัน และส่วนประกอบอื่นๆ รวมน้ำหนัก 12 กิโลกรัม ซึ่งเป็นอัตราเดิมที่เคยทำทุกปี ไม่มีการดัดแปลงเพิ่มขนาดแต่อย่างใด แต่ก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าบั้งไฟเกิดข้อผิดพลาดตรงจุดไหน
ร.ต.อ.เจษฎากล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาทั้งเทศบาลและเจ้าของบั้งไฟว่าร่วมกันกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งจะได้เรียกทุกฝ่ายมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง
ขณะที่ พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รอง ผบก.ภ.จว.หนองคาย กล่าวว่า ช่วงนี้ภาคอีสานหลายจังหวัดจะมีการจัดงานบุญบั้งไฟ ซึ่งเป็นงานประเพณีท้องถิ่น การจัดงานแต่ละครั้งฝ่ายจัดงานจะต้องขออนุญาตจากอำเภอนั้นก่อน ซึ่งต้องมีการตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น โดยเฉพาะการกำหนดพื้นที่ความปลอดภัย หรือเซฟตี้โซน ไม่ให้ประชาขนเข้าใกล้ ผู้จัดงานต้องเตรียมความพร้อมทั้งรถดับเพลิง อาสาสมัครป้องกันภัย ทางที่ดีต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นทุกครั้ง เพื่อดูแลความปลอดภัยให้มากที่สุด
“หากจะห้ามไม่ให้มีการจัดงานบุญบั้งไฟคงเป็นไปไม่ได้ เพราะชาวอีสานถือว่าเป็นประเพณีโบราณ แต่ต้องหามาตรการป้องกันเหตุรุนแรงขึ้นอีกในอนาคต”