ชาวสวนปาล์มร้องพ่อเมืองสุราษฎร์ฯ ขอความเป็นธรรมหลังนายทุนเข้ารื้อที่ดินทำกิน

สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้าน ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เดินทางเข้าขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าฯ จ.สุราษฎร์ธานี หลังถูกนายทุนเข้ายึดที่ดินทำกิน พร้อมทำลายสวนปาล์ม เนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ โดยอ้างอิงว่ามีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย

จากกรณี บริษัท ทักษิณปาล์ม จำกัด ส่งรถแบ็กโฮ จำนวน 9 คัน เข้าขุดโค่นล้มต้นปาล์มน้ำมันอายุกว่า 10 ปี ของชาวบ้าน 37 ราย ที่ทำกินมานานกว่า 15 ปี รวมเนื้อที่ที่ถูกขุดทำลายกว่า 1,000 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 1 และ ม.3 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จังหวัดสุราฎร์ธานี โดยมีตัวแทนบริษัท พร้อมทนายความได้ชี้แจงว่า พื้นที่ทั้งหมด จำนวน 2,000 กว่าไร่ เป็นของบริษัททักษิณปาล์ม จำกัด โดยมีเอกสาร น.ส.3 ก.ครอบครองโดยถูกต้องตามกฎหมาย และการดำเนินการก็เป็นไปตามคำสั่งศาล พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นาย ให้การคุ้มกันการทำงานของรถแบ็กโฮ หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรพุนพินนั้น

ล่าสุด วันนี้ (6 มิ.ย.) ชาวบ้านในพื้นที่ได้เข้าพบ นายมนตรี เพชรขุ้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งทาง อบจ.สุราษฎร์ฯ ได้นำผู้ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมดเข้าพบ นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ฯ โดยนายจารึก ประดับ หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยว่า ตนและเพื่อนบ้านอยู่อาศัยที่ดินบริเวณดังกล่าวมานาน โดยปลูกปาล์มน้ำมัน และเก็บเกี่ยวผลปาล์มมานานกว่า 10 ปีแล้ว และไม่เคยมีใครเข้ามาขัดขวาง หรืออ้างสิทธิในที่ดินดังกล่าวมาก่อน จนกระทั้งเมื่อปลายปี 2554 ตนและพวกถูกฟ้องขับไล่ออกจากพื้นที่ ในฐานะบริวารของผู้บุกรุก พร้อมทั้งมีการฟ้องที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ตนไม่รู้จักผู้บุกรุก และต่อสู้คดีจนมีคำสั่งศาลออกมาว่า พวกตน 37 คน ไม่ใช่บริวารของผู้บุกรุก จึงทำสวนปาล์มกันตามปกติ

หลังจากได้รับข้อร้องเรียนแล้ว นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้นายอำเภอพุนพิน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่พิพาท และสั่งให้รถแบ็กโฮ ทั้ง 8 คัน หยุดทำลายผลอาสินของชาวบ้านในทันที พร้อมเตรียมตั้งคณะกรรมขึ้นมาแก้ปัญหาร่วมกัน โดยจะเชิญบริษัททักษิณปาล์ม ที่อ้างเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ในที่ดินแปลงดังกล่าวเข้าเจรจาด้วย จากนั้นจะตรวจสอบในประเด็นการออกเอกสารสิทธิของนายทุน ว่า ได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ มีเนื้อที่เท่าไหร่ และตรวจสอบที่ดินสาธารณะที่ชาวบ้านอ้างว่า มีอยู่ในบริเวณดังกล่าวราว 100 ไร่ด้วย