นครศรีธรรมราช - ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารสุดทน ประชุมหาทางออกหลัง ตร.นครศรีฯ ตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์จับลูกค้าทุกคืนขยาดไม่กล้าออก ส่งผลลูกค้าหายวูบ แขวะจังหวัดกระตุ้นแคมเปญเศรษฐกิจท่องเที่ยว แต่ถูก ตร.สกัดทุกคืนเตรียมปิดทุกร้านนั่งประท้วง ตร.หน้าโรงพัก หวั่นซ้ำรอยเผาโรงพัก 14 ปีก่อน
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมคันทรี่โฮม อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ร.ต.พิชัย ชูสุวรรณ ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าอาหารจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมสมาชิกชมรมทั้งหมด เพื่อร่วมกันหาทางออกในปัญหาจากแรงกดดันในการทำหน้าที่ของตำรวจจราจร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ในตัวเมืองนครศรีธรรมราชทุกคืนเพื่อจับกุมผู้ที่มาใช้บริการในร้านอาหาร จนกลายเป็นแรงกดดันให้นักท่องเที่ยว และประชาชนโดยทั่วไปไม่ออกมาใช้บริการในยามค่ำคืน
เนื่องจากเกรงกลัวการตรวจวัดแอลกอฮอล์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้สภาพผู้ประกอบการทุกร้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลายร้านเริ่มอยู่ในสภาวะขาดทุนเนื่องจากไม่มีลูกค้าเข้าใช้บริการ ซึ่งสวนทางกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นภายในจังหวัดของ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
ขณะที่ จ.ส.อ.ขรรค์ชัย ด้วงอินทร์ รองประธานชมรมเปิดเผยว่า สภาพโดยปกตินักท่องเที่ยวในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีน้อยอยู่แล้ว และที่ได้รับอานิสงส์กับผู้ประกอบการมาจากต่างจังหวัดเป็นส่วนมาก ทั้งมาประชุม หรือมาอบรม แต่คนกลุ่มนี้โดนจับเป็นประจำเช่นเดียวกัน การใช้รถใช้ถนนตัวเมืองเพื่อกลับที่พักไม่รู้จักการหลบหลีกด่านของตำรวจยิ่งแล้วใหญ่ ดื่มมาเพียงขวดเดียว หรือกระป๋องเดียวตรวจวัดขึ้นแล้วถูกจับเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดแรงกดดันมายังผู้ประกอบการมาก
ในทางกลับกันได้มีการผลักดันรณรงค์การท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง แต่สวนทางกับการกดดันเช่นนี้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงต้องประสานกับทุกส่วนขอความเห็นกัน ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมทราบว่ามีสถิติในการจับกุมมากกว่า 8 พันราย ทราบว่าทั้งหมดเป็นนโยบายของรอง ผกก.จร.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ย้ายมาใหม่ ซึ่งได้พูดคุยกับทาง ผกก.สภ.เมืองแล้ว ท่านได้บอกว่าไม่ใช่นโยบายของท่าน จึงอยากที่จะเจอ และพดคุยกับรอง ผกก.ท่านนี้มาก” รองประธานชมรมกล่าว
ขณะที่นายเสนอ ผันแปรจิต รองประธานชมรมอีกรายกล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว ร้านอาหารในจังหวัดจะเป็นสีสันเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ทุกอย่างกลับสวนทาง เรื่องของอาชญากรรม เรื่องยาเสพติด ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่มารุกหนักเรื่องของการจับแอลกอฮอล์อย่างหนัก อาจถูกมองได้ว่าเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ได้ ซึ่งทางผู้ประกอบการต้องหามาตรการร่วมกัน
ขณะที่ ร.ต.พิชัย ชูสุวรรณ ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าอาหารจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า การประชุมในครั้งนี้มีการพูดคุยกันถึงความเดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบจากการตรวจเข้มของตำรวจเกี่ยวกับการตรวจแอลกอฮอล์ ซึ่งทุกคนที่ประกอบการร้านอาหารรวมทั้งบุคคลทั่วไป หรือนักท่องเที่ยวประสบปัญหาเหมือนกันหมด ทำให้ลูกค้าไม่มาใช้บริการที่ร้านอาหาร เมื่อไม่มีลูกค้าบางร้านต้องปิดกิจการเพราะขาดทุน และมีอีกหลายร้านที่กำลังจะปิด
“เราไม่ได้ต่อต้านในเรืองของกฎหมาย แต่เห็นว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ตั้งด่านตรวจเกือบทุกซอย และยังมีการตั้งด่านในที่มืด จะเห็นได้ว่าการตั้งด่านของตำรวจนั้นเน้นจับเฉพาะแอลกอฮอล์ เพราะเชื่อว่าน่าจะมีผลประโยชน์สูง แต่สิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ กลับหละหลวม การกวดขันเช่นนี้มันส่งผลกระทบต่อสถานประกอบการโดยเฉพาะร้านอาหาร และสวนทางกับโครงการการท่องเที่ยวอย่างสิ้นเชิง
พยายามประสานกับผู้ใหญ่ได้คำตอบว่า จะมีการตั้งด่านเฉพาะวันจันทร์ พุธ ศุกร์ แต่ไม่ได้เป็นไปตามนั้นเพราะมีการตั้งทุกคืน การพูดคุยหารืออยากเสนอให้ตำรวจตั้งด่านที่ถนนสายหลักซึ่งรถวิ่งเร็วจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดีกว่ามาซุ่มตั้งด่านในตรอกซอกซอย เจ้าของร้านบางคนต้องคอยเฝ้าระวังให้ลูกค้า หรือถ้าไม่สามารถหลีกได้ก็จะขับรถไปส่งให้พ้นด่านตรวจ และต่อไปลูกค้ารายนั้นจะไม่มาใช้บริการอีกต่อไป” ประธานชมรมผู้ประกอบค้าอาหารนครศรีธรรมราชกล่าว
ร.ต.พิชัย ชูสุวรรณ ประธานชมรมผู้ประกอบการกล่าวอีกว่า ส่วนข้อสรุปในการประชุมในครั้งนี้ ทุกคนมีมติเห็นพ้องต้องกันว่า จะทำหนังสือล่ารายชื่อถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมือง และตำรวจภูธรภาค 8 เกี่ยวกับเรื่องการตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์สำหรับนักท่องเที่ยว โดยขอให้ไปตั้งด่านตามถนนสายหลักที่พิจารณาเห็นว่าน่าจะเป็นอันตรายมากกว่า ดีกว่าตั้งที่ปากซอยร้านอาหาร หรือตั้งบนที่ผู้ใช้บริการจะต้องผ่านแน่ๆ และแจ้งถึงผู้มีอำนาจว่าเราเดือดร้อนแล้ว
“หลังจากได้ยื่นหนังสือถึงผู้มีอำนาจแล้ว และถ้าผู้เกี่ยวข้องไม่มีมาตรการแก้ปัญหาใดๆ ให้พวกเรา ผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจะรวมตัวกันปิดร้านอาหารทุกร้านที่ได้ลงชื่อไว้ ปิดป้ายประกาศหน้าร้าน แล้วจะไปรวมตัวชุมนุมประท้วงกันที่หน้าโรงพัก ซึ่งอาจจะเกิดเหตุการณ์บานปลายเผาโรงพักเหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนก็ได้ ไม่มีใครคาดการณ์ได้เพราะมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก นี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่พวกเราจะดำเนินการ โดยในวันที่ 10 มิ.ย.56 นี้จะเข้ายื่นหนังสือ” ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าอาหารกล่าวในที่สุด