นราธิวาส - ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.สุไหงโก-ลก เผยจากเหตุไฟดับทั้งภาคใต้ เตรียมเดินหน้าโครงการ “1 อบต. 1 โรงไฟฟ้า” เพื่อให้มีการบริหารจัดการไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพในท้องถิ่น ขณะเดียวกัน ทหารเข้าตรวจสอบเครื่องปั่นไฟบริเวณจุดตรวจให้พร้อมใช้งาน ป้องกันคนร้ายฉวยโอกาสก่อเหตุ
วันนี้ (22 พ.ค.) นายมนู สุวรรณรัตน์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับทั่วทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ถือเป็นกรณีที่อยู่เหนือการควบคุม เนื่องจากเป็นที่ระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยขัดข้อง อย่างไรก็ตาม ได้มีการดำเนินการแก้ไขจนสามารถดำเนินการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือว่าสามารถจ่ายไฟเป็นอันดับต้นๆ ของภาค เพื่อป้องกันการเข้ามาสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
โดยในพื้นที่รับผิดชอบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.สุไหงโก-ลก สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ทุกครัวเรือนได้ในเวลา 20.24 น. ขณะที่พื้นที่สุดท้ายที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติ เมื่อเวลา 23.30 น.
“สำหรับปัญหาหลักที่ทำให้เกิดไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ คือ การมีโรงผลิตไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอต่อการใช้ของประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันโรงไฟฟ้าทั้งหมดของภาคใต้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 1,620 เมกะวัตต์ ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด จำนวน 2,200 เมกะวัตต์ ซึ่งที่ผ่านมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพยายามที่จะสร้างโรงไฟฟ้าจะนะ แห่งที่ 2 โดยพิจารณาในหลายรูปแบบ แต่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวมีการคัดค้าน เนื่องจากมีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนที่ผ่านมา ที่ยังมีไฟฟ้าใช้ได้ตามปกติก็เพราะมีการดึงกระแสไฟฟ้าจากต่างภูมิภาคเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม” ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.สุไหงโก-ลก กล่าว
และกรณีปัญหาที่เกิดไฟฟ้าดับเมื่อคืนวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อโรงไฟฟ้าสามารถจ่ายกระแสไฟได้ตามปกติคือ 1,620 เมกะวัตต์ ซึ่งยังไม่ครอบคลุมในทุกพื้นที่ ประกอบกับไม่สามารถดึงกระแสไฟฟ้ามาจากพื้นที่อื่นได้ ทำให้ต้องมีการเจรจาซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียมาทดแทนในส่วนที่ขาดหายไป และโชคดีที่เหตุไฟฟ้าดับเกิดขึ้นในเวลากลางคืน เนื่องจากหากเป็นเวลากลางวันจะไม่สามารถขอซื้อไฟฟ้าสำรองมาจากประเทศมาเลเซียได้เลย เพราะในช่วงเวลากลางวัน ในประเทศมาเลเซียจะมีการใช้ไฟฟ้าสูงมาก จึงไม่เพียงพอที่จะขายให้แก่ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ต้องมีการรณรงค์ให้มีการจัดทำโครงการ 1 อบต.1 โรงไฟฟ้า เพื่อให้มีการบริหารจัดการไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพในท้องถิ่น โดยล่าสุด ในพื้นที่ จ.นราธิวาส พบว่ามี อบต.ในพื้นที่บางแห่งเตรียมดำเนินการ แต่ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดมากนัก อีกทั้งได้จัดทำแผนเชื่อมโยงกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำไอกาเปาะ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้วันละ 200 กิโลวัตต์ แต่ประชาชนในพื้นที่บ้านไอกะเปาะ บ้านโต๊ะโม๊ะ และบ้านธารทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ใช้กระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวเพียง 70 กิโลวัตต์เท่านั้น ดังนั้น ส่วนที่เหลือจึงยังสามารถนำมาจ่ายกระแสไฟให้แก่อีกหลายครัวเรือน ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ไฟในพื้นที่ อ.สุคิริน ทั้งนี้ หากสามารถเชื่อมโยงกันได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ทหาร จากหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 33 ได้ทำการตรวจสอบความพร้อมขอเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้า บริเวณจุดตรวจ-จุดสกัดบ้านปลักปลา อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อให้พร้อมใช้งาน โดยสภาพของเครื่องปั่นไฟมีสภาพเก่าแต่ยังสามารถใช้งานได้ดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำมาใช้เมื่อคืนนี้ โดยการตรวจสอบครั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุลักษณะเมื่อคืนนี้อีก โดยเจ้าหน้าที่จำเป็นที่จะต้องใช้ความสว่างในการตรวจสอบบุคคลที่ผ่านไปมาบริเวณจุดตรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสเข้ามาก่อเหตุในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส