ตรัง - ผู้ผลิตและส่งออกอาหารกระป๋องรายใหญ่ “ปุ้มปุ้ย-ปลายิ้ม” หวั่นผลกระทบจากค่าเงินบาทของไทยที่แข็งตัว เร่งเจรจาขอขึ้นราคาสินค้าส่งออกไปเมืองนอก แต่ในประเทศยังไม่มีปัญหา
นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานกรรมการอำนวยการ บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกอาหารกระป๋องรายใหญ่ในเครือปุ้มปุ้ย-ปลายิ้ม เปิดเผยว่า จากการที่ค่าเงินบาทของไทยเกิดภาวะแข็งตัวขึ้นนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเครือ ทั้งในด้านบวกและด้านลบ โดยเป็นผลดีสำหรับการนำการเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เช่น ปลา ซึ่งจะมีราคาที่ถูกลง แต่จะเป็นผลเสียสำหรับการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั้งในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป หรือแม้แต่ทวีปในเอเชีย เนื่องจากการติดต่อซื้อขายสินค้าเกือบทั้งหมดจะใช้เงินสกุล US จึงทำให้คู่ค้าต้องสั่งซื้ออาหารกระป๋องในราคาที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายประเทศในทวีปเอเชียด้วยกัน จะประสบปัญหาค่าเงินเกิดภาวะแข็งตัวเช่นกัน แต่ยังอยู่ในอัตราที่ไม่สูงเหมือนกับของไทย จึงอาจจะทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ต่างกับผู้ผลิตสินค้าในไทยที่ต้องรีบเร่งหาทางปรับตัวต่อสถานการณ์นี้ เนื่องจากไม่เคยคาดคิดว่า เงินบาทจะแข็งค่าต่ำกว่า 30 บาท และในอนาคตคงยืนอยู่ที่อัตรา 28 บาทต่อ US โดยในส่วนของการผลิตสินค้าเพื่อขายในประเทศคงไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากมีต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบที่ถูกลง จึงยังคงขายสินค้าในราคาเดิมต่อไปได้ แต่ในส่วนของการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกคงได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเจรจาเพื่อจัดส่งสินค้าในงวดใหม่นี้
ทั้งนี้ เนื่องจากการที่คู่ค้าต้องสั่งซื้ออาหารกระป๋องในราคาที่สูงขึ้น ก็อาจต้องไปปรับราคาสินค้าสำหรับลูกค้าในต่างประเทศให้สูงขึ้นตามภาวะต้นทุนอีกเล็กน้อย แต่คิดว่าคงไม่ทำให้ตลาดส่งออกโดยรวมเปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่ทางบริษัทได้พูดคุยทำความเข้าใจกับคู่ค้าเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งยังโชคดีที่ภาวะต้นทุนอื่นๆ ภายในประเทศยังไม่ปรับตัวสูงขึ้นตามค่าเงินบาท โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ซึ่งรัฐบาลสามารถตรึงราคาเอาไว้ได้นานพอสมควร แต่สิ่งที่ทางผู้ประกอบการกำลังรู้สึกกังวลอยู่ในขณะนี้ก็คือ ผลการสำรวจที่พบว่าประชาชนชะลอการใช้จ่ายเงิน โดยมีปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากความวุ่นวายทางการเมือง จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลปัญหานี้ด้วย