ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในแถบทะเลอันดามัน เรือประมงส่วนใหญ่งดออกจากฝั่ง ทำราคาอาหารทะเลพุ่งสูงขึ้น ขณะที่เรือบริการนำส่งนักท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ มีนักท่องเที่ยวใช้บริการลดลงกว่าร้อยละ 50
สำหรับบรรยากาศที่ท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลา ช่วงเช้าวันนี้ (21 พ.ค.) ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากเรือประมงทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่งดเดินเรือออกหาปลา หลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่านด้วยความเร็ว 13-35 กม./ชม.ทำให้ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
นายกรกฎ เภริภาส เจ้าหน้าที่ธุรการสำนักงานท่าเทียบเรือประมงฯ เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงมรสุม คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง ส่งผลทำให้เรือประมงจำนวนมากงดออกจากท่า ต้องทอดสมอจอดหลบคลื่นลม จากเดิมที่มีเรือประมงออกหาปลาและกลับเข้าฝั่งเพื่อนำปลามาจำหน่ายเฉลี่ยวันละ 50 ลำ ลดลงเหลือเพียงแค่ 10 ลำต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นเรือประมงชนิดอวนลาก ขณะที่เรืออวนประมงขนาดเล็กชนิดอวนล้อมไม่สามารถทำการประมงได้ อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการแพปลา และเรือประมงต้องติดตามสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด หากวันใดคลื่นลมสงบก็สามารถนำเรือออกจากท่าฯ แต่หากเกิดคลื่นลมในทะเลสูงก็ต้องงดเดินเรือเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่ราคาของอาหารทะเลชนิดต่างๆ หน้าท่าฯ ในช่วงนี้มีราคาสูงขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงมรสุม ทำให้การจับสัตว์น้ำต่างๆ มีปริมาณน้อยลง สวนทางกับความต้องการของผู้บริโภค และตลาดที่มีมากขึ้น จนทำให้ราคาเพิ่มสูงเกือบทุกชนิด เช่น ปลากะตัก จากเดิมมีราคากิโลกรัมละ 10 บาท ปรับราคาเป็น 20 ต่อกิโลกรัม ปลาลัง จากเดิมกิโลกรัมละ 55-70 บาท ตอนนี้ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท ปลาทูแขก จากเดิมกิโลกรัมละ 25-35 บาท ล่าสุดราคาอยู่ที่ 40-60 บาท เป็นต้น ส่วนราคาอาหารทะเลชนิดอื่นๆ ก็มีการปรับราคาขึ้นเช่นกัน เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 30
ด้านบรรยากาศเรือบริการนำส่งนักท่องเที่ยวบริเวณท่าเทียบเรือรัษฎา ภูเก็ต ไปยังเกาะแก่งต่างๆ ยังคงคึกคัก มีบรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติทยอยเดินทางมาขึ้นเรือโดยสารเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างเนืองแน่น
นายสันติ พลเยี่ยมแสน เจ้าหน้าที่ท่าเทียบเรือ บริษัท ชาวเกาะกรุ๊ป เปิดเผยว่า ช่วงนี้เข้าสู่หน้าโลว์ซีซัน ประกอบกับเกิดมรสุมคลื่นลมแรง จนทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลง เฉลี่ยประมาณร้อยละ 50 จากเดิมที่มีชาวไทย และชาวต่างชาติมาขึ้นเรือโดยสารวันละ 1,000 ราย ลดลงเหลือเพียง 500 กว่ารายเท่านั้น แต่ก็ถือว่าดีขึ้นหากเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ ยังคงเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นพิเศษ มีการจัดเสื้อชูชีพให้มีความเพียงพอ และเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือเป็นพิเศษ