ร้อง “นกแอร์” ทำชุ่ย! นักเขียนไทยไปทำสารคดีที่ปีนังถูกลอยแพ

 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักเขียนไทยหวังไปเขียนสารคดีที่รัฐปีนัง มาเลเซีย ซื้อแพกเกจ “นกแอร์” จากบินเชียงใหม่ไปต่อรถยนต์ที่สนามบินหาดใหญ่ แต่ขากลับถูกรถตู้ในคอนแทกต์ลอยแพไม่ยอมรับกลับจากแดนเสือเหลือง ต้องควักเงินเหมาแท็กซี่ข้ามประเทศถึง 2 ทอดสู่ไทย ทั้งทำหนังสือร้องเรียน และโทร.ประสานตลอด แต่ผ่านไปสัปดาห์เต็มเรื่องกลับยังมืดมน
 
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้รับการร้องเรียนจากนายกนก สงิมทอง นักเขียน กวีและบรรณาธิการสำนักพิมพ์รูปจันทร์ว่า ตนได้ซื้อตั๋วเครื่องบินนกแอร์ในลักษณะแพกเกจเดินทางไป-กลับ จากเชียงใหม่ไปยังรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 6-10 พ.ค.ที่ผ่านมา ในราคารวม 6,251.20 บาท ซึ่งกำหนดเดินทางเที่ยวไปบินโดยสายการบินนกแอร์จากสนามบินเชียงใหม่ไปยังสนามบินหาดใหญ่ แล้วมีรถยนต์รับเดินทางต่อข้ามพรมแดนไปยังรัฐปีนัง และเที่ยวกลับก็เช่นเดียวกัน จะมีรถรับจากโรงแรมที่พักรัฐปีนังกลับข้ามแดนมาขึ้นมาเครื่องบินยังสนามบินหาดใหญ่กลับสู่เชียงใหม่
 
นายกนก หรือที่รู้จักกันดีในแวดวงกวี และนักเขียนในนามปากกา “เสี้ยวจันทร์ แรมไพร” ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ปัญหาได้เกิดขึ้นในวันที่ตนต้องเดินทางกลับคือ วันที่ 10 พ.ค. ซึ่งตามกำหนดรถตู้จะต้องไปรับตนที่โรงแรมโอลด์ปีนัง (OLD PENANG) เวลา 05.00 น. แต่ปรากฏว่า รอเท่าไหร่ก็ไม่มีรถไหปรับตามนัดหมาย ตนโทร.ไปถามที่ตามสถานที่ที่ให้ไว้ถึง 3 ครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ จึงตัดสินใจจับแท็กซี่เดินทางไปจุดนัดขึ้นรถที่ Ai Goh HOTEL แต่เมื่อไปถึงแล้วก็กลับยังถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นรถตู้กลับหาดใหญ่ โดยคำชี้แจงที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ที่นั่นคือ เมื่อไม่พักที่โรงแรมนี้ก็ไม่มีสิทธิขึ้นรถตู้
 
“ผมต้องขอบอกไว้ตรงนี้เพื่อยืนยันด้วยว่า ก่อนวันเดินทางกลับ 1 วันคือ วันที่ 9 พ.ค. ผมได้ไปที่ Ai Goh HOTEL แล้วด้วย เห็นสภาพออฟฟิศแล้วดูเก่าๆ หลอนๆ อย่างไรบอกไม่ถูก เพื่อคอนเฟิร์มรถตู้เที่ยวกลับหาดใหญ่ และมีการนัดกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปรับผมที่โรงแรมโอลด์ปีนัง เวลา 05.00 น. ของเช้าวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งแม้จะมีการเดินทางไปเพื่อยืนยันแล้ว แต่รถในเครือข่ายบริการของนกแอร์กลับยังทำแบบนี้ได้” นายกนกกล่าว และเสริมว่า
 
ตนไปถึงที่ Ai Goh HOTEL จุดขึ้นรถตอนประมาณ 6 โมงเช้าเศษๆ คิดว่ารถตู้คันที่รอรับกลับหาดใหญ่น่าจะยังไม่ออกเดินทางอย่างแน่นอน พบชายสูงอายุก็แจ้งว่าจะขอขึ้นรถกลับหาดใหญ่ ซึ่งก็คือ คนเดียวกันกับที่ยืนยันว่าถ้าไม่ใช่แขกของโรงแรมนี้ขึ้นไม่ได้ แม้ตนจะพยายามเอาตั๋ว และตารางเวลาของนกแอร์ให้ดู เขาก็เอาแต่ส่ายหน้าทำว่าไม่รับรู้เรื่องราวอย่างเดียว ถึงเวลานั้นตนเลยตันสินใจเหมาแท็กซี่ต่อจากที่นั่นให้มาส่งที่ด่านชายแดน อ.สะเดา จ.สงขลา ในราคา 1,800 บาท พอข้ามแดนสู่ไทยแล้วก็ต้องเหมาแท็กซี่จากด่านไปสนามบินอีก 700 บาท
 
“ผมถึงสนามบินหาดใหญ่ทันเวลาที่เครื่องกลับเชียงใหม่ออกนานพอควร จึงไปที่แจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้แก่พนักงานที่เคาน์เตอร์นกแอร์ในสนามบินหาดใหญ่ เขาให้เขียนเป็นหนังสือร้องเรียนไว้ ผมก็บรรยายตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วผมได้ถ่ายทั้งภาพและคลิปช่วงที่เกิดปัญหาไว้ทั้งหมด หากนกแอร์ต้องการการยืนยันก็บอกได้ทันที ที่ร้องเรียนก็ไม่มีอะไรหรอก ผมได้ทำตามตารางเวลานัดหมายของนกแอร์ทุกอย่าง รู้สึกผิดหวังมากกับการบริการอย่างมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้”
 
เสี้ยวจันทร์ แรมไพร กล่าวด้วยว่า การเดินทางไปเมืองปีนังเที่ยวนี้ตนตั้งใจไปเขียนสารคดีสักชุดหนึ่งเพื่อนำมาลงตีพิมพ์ในนิตยสารของไทย เพราะปีนังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีเรื่องราวน่าสนใจมากมาย ซึ่งส่วนตัวตนประทับใจทริปนี้ตั้งแต่ต้น และเมื่ออยู่ในปีนังก็ยิ่งประทับใจทั้งผู้คนที่นั่น อาหารการกิน รวมถึงวิถีชีวิตที่มากมายไปด้วยความหลากหลายอีกด้วย
 
สำหรับการร้องเรียนต่อ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.ช่วงที่เสี้ยวจันทร์ แรมไพร เดินทางกลับจากปีนังมาถึงหาดใหญ่ เพียงแต่เจ้าตัวขอให้รอดูว่าทางสายการบินนกแอร์ และผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการแก้ปัญหานี้อย่างไร ปรากฏว่า เวลา 1 สัปดาห์ผ่านไป จนถึงช่วงบ่ายของวันนี้ (16 พ.ค.) เขาได้สอบถามไปยังนกแอร์อีกครั้ง แต่ข้อมูลที่ได้รับคือ ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เกิดขึ้น อีกทั้งผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังผู้จัดการนกแอร์หาดใหญ่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของไทเกอร์ไลน์ที่รับผิดชอบบริการรกตู้ในเครือข่ายนกแอร์ คำตอบที่ได้รับคือ เรื่องอยู่ระหว่างการประสานงาน โดยยังไม่มีข้อสรุปใดๆ