ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จับแก๊งควายขณะพยายามหลอกสาวใหญ่เจ้าของร้านนวดแผนไทยเล่นกำถั่วในโรงแรมหวังหลอกเอาเงิน แต่สาวใหญ่ไหวตัวทันแจ้งตำรวจตรวจสอบจับได้ยกแก๊ง
วันนี้ (13 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.วันชัย ปาละวัน ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา 5 คน ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย นายไพโรจน์ นาบุญ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกมล อุ่นเรือน อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธนพล คชเดช อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสมชาย สุขสม อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช และนางสุภาณี แสงอนันต์ อายุ 45 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร
โดยแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันพยายามฉ้อโกง ร่วมกันเป็นซ่องโจร ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม พร้อมยึดของกลาง ประกอบด้วย กระดาษจดตารางในการเล่นกำถั่ว กระดาษจดชิป เมล็ดฟักทอง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 12 เครื่อง รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน แผ่นป้ายทะเบียน ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ฉบับ แบงก์กาโม่ ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 122 ฉบับ กระเป๋าเดินทาง เอกสารเกี่ยวกับที่ดิน จำนวน 2 ฉบับ สมุดบัญชีธนาคาร กุญแจห้องพัก
สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งควายในครั้งนี้ พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของร้านนวดแผนไทยในพื้นที่ ต.ราไวย์ ซึ่งได้ติดป้ายว่าเซ้ง หรือขายไว้ที่ร้านนวด พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ จากนั้นก็มีคนติดต่อเข้ามาหลายราย และเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.00 น. นายธนพล หนึ่งในผู้ต้องหาได้โทรศัพท์ไปยังผู้เสียหายเพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับการเซ้งร้าน หรือขายร้าน และนัดพบกันในวันเสาร์ที่ 12 พ.ค. เพื่อดูร้าน และตกลงราคา เมื่อถึงวันนัด นายธนพล ได้ขับรถมาดูที่ร้าน และรับผู้เสียหายไปยังร้านกาแฟเพื่อสอบถามราคา หลังจากนั้น ผู้ต้องหาได้แจ้งผู้เสียหายว่าจะขอกลับไปปรึกษาญาติก่อน พร้อมแจ้งว่าต้องการซื้อที่ดิน ผู้เสียหายจึงพาไปดูที่ดินซึ่งอยู่บริเวณถนนใสยวน ต.ราไวย์ พร้อมโทรศัพท์ติดต่อกับเจ้าของที่ดินรายดังกล่าว ซึ่งเจ้าของที่ดินต้องการขายในราคา 5 แสนบาท หลังจากติดต่อเรื่องที่ดินแล้ว ผู้ต้องหาได้นำตัวผู้เสียหายมาส่งที่ร้าน และโทรศัพท์มาติดต่ออีกครั้งเพื่อขอให้ขึ้นราคาที่ดินเป็น 570,000 บาท
ล่าสุด วันนี้ (13 พ.ค.) เวลา 08.30 น.นายธนพล ผู้ต้องหาได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหายอีกครั้งเพื่อนัดพบคนที่ต้องการซื้อที่ดิน โดยนายธนพล ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายสมชาย เพื่อรับผู้เสียหายไปพบกับคนที่จะมาซื้อที่ดิน หลังจากนั้นได้พาผู้เสียหายไปยังโรงแรมตอนวิล ถ.ปฏัก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อรอพบคนที่จะมาซื้อที่ดิน หลังจากนั้น คนที่จะซื้อที่ดินก็เดินทางมาถึงพร้อมกับโชว์เงินให้ผู้เสียหายดู ก่อนที่จะวางแผนชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมเล่นการพนันเพื่อหลอกเอาเงินของคนที่อ้างตัวเป็นคุณนาย ซึ่งทราบชื่อภายหลังคือ นางสุภาณี ขณะที่กำลังวางแผนนั้น ผู้เสียหายกลัวว่าจะถูกหลอก จึงขอตัวออกมาโดยอ้างว่ามาหาข้าวกิน พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้จักกันถึงพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวซึ่งมีพฤติกรรมน่าสงสัย หลังรับแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งประสานไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อวางแผนจับกุม พร้อมแจ้งให้ผู้เสียหายกลับเข้าไปยังโรงแรมดังกล่าวอีกครั้ง
โดยเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เดินทางไปยังโรงแรมดังกล่าว เมื่อไปถึงพบ นายไพโรจน์ หนึ่งในผู้ต้องหาคอยดูต้นทาง จึงเข้าควบคุมตัว พร้อมเดินเข้าไปยังห้องพักตามที่ได้รับแจ้งพบ นายธนพล นายกมล และนายสมชาย อยู่ในห้องพักเดียวกับผู้เสียหาย และพบนางสุภาณี อยู่ในห้องใกล้กัน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกะรนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (13 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.วันชัย ปาละวัน ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา 5 คน ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย นายไพโรจน์ นาบุญ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกมล อุ่นเรือน อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธนพล คชเดช อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสมชาย สุขสม อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช และนางสุภาณี แสงอนันต์ อายุ 45 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร
โดยแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันพยายามฉ้อโกง ร่วมกันเป็นซ่องโจร ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม พร้อมยึดของกลาง ประกอบด้วย กระดาษจดตารางในการเล่นกำถั่ว กระดาษจดชิป เมล็ดฟักทอง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 12 เครื่อง รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน แผ่นป้ายทะเบียน ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ฉบับ แบงก์กาโม่ ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 122 ฉบับ กระเป๋าเดินทาง เอกสารเกี่ยวกับที่ดิน จำนวน 2 ฉบับ สมุดบัญชีธนาคาร กุญแจห้องพัก
สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งควายในครั้งนี้ พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของร้านนวดแผนไทยในพื้นที่ ต.ราไวย์ ซึ่งได้ติดป้ายว่าเซ้ง หรือขายไว้ที่ร้านนวด พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ จากนั้นก็มีคนติดต่อเข้ามาหลายราย และเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.00 น. นายธนพล หนึ่งในผู้ต้องหาได้โทรศัพท์ไปยังผู้เสียหายเพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับการเซ้งร้าน หรือขายร้าน และนัดพบกันในวันเสาร์ที่ 12 พ.ค. เพื่อดูร้าน และตกลงราคา เมื่อถึงวันนัด นายธนพล ได้ขับรถมาดูที่ร้าน และรับผู้เสียหายไปยังร้านกาแฟเพื่อสอบถามราคา หลังจากนั้น ผู้ต้องหาได้แจ้งผู้เสียหายว่าจะขอกลับไปปรึกษาญาติก่อน พร้อมแจ้งว่าต้องการซื้อที่ดิน ผู้เสียหายจึงพาไปดูที่ดินซึ่งอยู่บริเวณถนนใสยวน ต.ราไวย์ พร้อมโทรศัพท์ติดต่อกับเจ้าของที่ดินรายดังกล่าว ซึ่งเจ้าของที่ดินต้องการขายในราคา 5 แสนบาท หลังจากติดต่อเรื่องที่ดินแล้ว ผู้ต้องหาได้นำตัวผู้เสียหายมาส่งที่ร้าน และโทรศัพท์มาติดต่ออีกครั้งเพื่อขอให้ขึ้นราคาที่ดินเป็น 570,000 บาท
ล่าสุด วันนี้ (13 พ.ค.) เวลา 08.30 น.นายธนพล ผู้ต้องหาได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหายอีกครั้งเพื่อนัดพบคนที่ต้องการซื้อที่ดิน โดยนายธนพล ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายสมชาย เพื่อรับผู้เสียหายไปพบกับคนที่จะมาซื้อที่ดิน หลังจากนั้นได้พาผู้เสียหายไปยังโรงแรมตอนวิล ถ.ปฏัก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อรอพบคนที่จะมาซื้อที่ดิน หลังจากนั้น คนที่จะซื้อที่ดินก็เดินทางมาถึงพร้อมกับโชว์เงินให้ผู้เสียหายดู ก่อนที่จะวางแผนชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมเล่นการพนันเพื่อหลอกเอาเงินของคนที่อ้างตัวเป็นคุณนาย ซึ่งทราบชื่อภายหลังคือ นางสุภาณี ขณะที่กำลังวางแผนนั้น ผู้เสียหายกลัวว่าจะถูกหลอก จึงขอตัวออกมาโดยอ้างว่ามาหาข้าวกิน พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้จักกันถึงพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวซึ่งมีพฤติกรรมน่าสงสัย หลังรับแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งประสานไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อวางแผนจับกุม พร้อมแจ้งให้ผู้เสียหายกลับเข้าไปยังโรงแรมดังกล่าวอีกครั้ง
โดยเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เดินทางไปยังโรงแรมดังกล่าว เมื่อไปถึงพบ นายไพโรจน์ หนึ่งในผู้ต้องหาคอยดูต้นทาง จึงเข้าควบคุมตัว พร้อมเดินเข้าไปยังห้องพักตามที่ได้รับแจ้งพบ นายธนพล นายกมล และนายสมชาย อยู่ในห้องพักเดียวกับผู้เสียหาย และพบนางสุภาณี อยู่ในห้องใกล้กัน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกะรนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
