“เทพไท” ยุ “เฉลิม” สาวไส้ “รัฐบาลปู” หลังไม่เห็นหัวลดชั้นให้นั่ง รมต.เกรดซี

“เทพไท” แนะ “เฉลิม” ถ้ารัฐบาลไม่เห็นความสำคัญกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านจะดีกว่า พร้อมยุให้แฉใส้ใน “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เกิดปัญหาภายในอะไรบ้าง ด้าน “องอาจ” เย้ยรัฐบาลจัดฉากตรวจสต๊อกโกดังข้าว จับได้แค่ปลาซิว ปลาสร้อย ปล่อยตัวใหญ่ลอยนวล จี้ตอบข้าวที่หาย 2 ล้านตัน และต้องเคลียร์ข้าวจีทูจี 2 ล้านตัน

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับ ครม.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่าเกิดความขัดแย้งกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ทำให้ต้องถูกปรับออกจากการเป็นรองนายกรัฐมนตรี ไปเป็น รมว.แรงงานนั้น การปรับ ครม.ครั้งนี้แสดงว่าไม่มีใครเห็นความสำคัญของ ร.ต.อ.เฉลิมแล้ว จึงอยากให้ร.ต.อ.เฉลิม กลับไปอยู่บ้านที่บางบอน กทม. และเลี้ยง “น้องกาโม่” หลานชายจะดีกว่า

“ที่สำคัญผมอยากเรียกร้องไปยัง ร.ต.อ.เฉลิมว่า ขอให้ออกมาพูดให้มากกว่านี้ สังคมจะได้รู้ความจริงว่า ตลอด 2 ปี ของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง เหตุใดรัฐบาลจึงไม่แถลงผลการดำเนินการของรัฐบาลต่อสภาผู้แทนราษฎร เป็นเพราะไม่มีผลงาน และเกิดปัญหาความขัดแย้องของคนในรัฐบาลหรือไม่”

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบโกดังเก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าว โดยจะทำให้เสร็จภายในวันเดียวว่า จะเห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถตรวจสอบได้ในวันเดียวตามที่กล่าวอ้าง และสามารถจัดการกับผู้ทุจริตได้แค่ปลาซิว ปลาสร้อย ไม่สามารถลากคอขาใหญ่ที่หนุนหลังการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวได้ เท่ากับว่ารัฐบาลไม่สามารถชี้แจงถึงข้าวที่ล่องหนได้ เพราะที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์อ้างว่าขายข้าวไปทำข้าวถุง จำนวน 2.5 ล้านตัน แต่พบว่าในตลาดมีข้าวถุงเพียง 5 แสนล้านตันเท่านั้น จึงอยากถามว่าการลงไปตรวจสอบโกดังได้พบข้าวที่หายไป 2 ล้านตันหรือไม่ และการที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ อ้างว่าขายข้าวจีทูจีจำนวน 7 ล้านตันไปแล้วนั้น จากการตรวจสอบปรากฏว่าไม่มีการขายข้าวดังกล่าว นายบุญทรงต้องตอบคำถามว่ามีสัญญาขายข้าว 7 ล้านตันนี้ให้ใคร

อย่างไรก็ตาม การออกไปตรวจสอบโกดังเก็บข้าวก็ยังไม่สามารถตอบคำถามให้สังคมทราบได้ จึงขอให้เลิกสร้างภาพได้แล้ว เพราะสิ่งที่ทำไปนั้นกลับทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงและสงสัย และจะไม่เป็นผลดีต่อโครงการรับจำนำข้าวแต่อย่างใด