xs
xsm
sm
md
lg

“ไฟใต้” ที่ถูกทำโชนเปลวอย่างสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน?! / ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์  มณีพิลึก
 
คล้อยหลังการพูดคุยเพื่อสันติภาพระหว่างตัวแทนของรัฐบาลไทย กับตัวแทนของขบวนการบีอาร์เอ็นฯ ที่มีตัวแทนของประเทศมาเลเซียเป็นผู้ประสานงาน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพียง 2 วัน สถานการณ์ที่รุนแรงอยู่แล้วในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อมีเหตุคนร้ายแต่งกายเลียนแบบทหารพราน จำนวน 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน กราดยิงเข้าใส่ร้านขายของชำที่ ต.รูสะมิแล เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ บาดเจ็บสาหัส 1 ราย และเหยื่อที่เป็นผู้บริสุทธิ์ในจำนวน 6 ศพนี้ มีเด็กอายุเพียง 2 ขวบรวมอยู่ด้วย
 
โดยข้อเท็จจริงเหตุการณ์ฆ่าหมู่ 6 ศพอย่างนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา เช่น การฆ่าหมู่ 7 ศพ ในรถตู้สายเบตง-หาดใหญ่ การฆ่าหมู่กลุ่มผู้หาของป่า 9 ศพที่ อ.ยะหา จ.ยะลา และการกราดยิงในมัสยิดไอปาแยที่ จ.นราธิวาส เป็นต้น แต่ที่เหตุการณ์ฆ่าหมู่ 6 ศพที่ ต.รูสะมิแลในครั้งนี้ นอกจากสถานที่เกิดเหตุอยู่ในชุมชนเมือง ห่างจากจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ 200 เมตรแล้ว ยังมีเด็กเป็นผู้เสียชีวิตด้วย
 
แต่ที่สำคัญคือ เป็นการเกิดเหตุขณะที่ฝ่ายรัฐ และฝ่ายก่อการร้ายอยู่ระหว่างการพูดคุย เพื่อลดความรุนแรง และความเลวร้ายของสถานการณ์ ดังนั้น ในสภาวการณ์เช่นนี้จึงไม่ควรที่เกิดเหตุสะเทือนใจ หรือสะเทือนขวัญขึ้น
 
ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ มีผู้พบเห็นใบปลิวในพื้นที่ซึ่งแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเปิดพื้นที่พูดคุยเพื่อสันติภาพระหว่างรัฐไทย กับกลุ่มผู้แบ่งแยกดินแดน เหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า จะต้องมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเพื่อสร้างสถานการณ์ และใบปลิวดังกล่าวมีนัยว่า กลุ่ม “ไทยพุทธ” คือเหยื่อของการสร้างสถานการณ์ แต่ในทางป้องกันของเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ผลเช่นเคย สาเหตุเพราะ “การข่าว” ที่ไม่ดี จึงไม่ทราบว่าพื้นที่ไหนคือพื้นที่ที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีจะก่อเหตุ
 
หลังการก่อเหตุฆ่าหมู่ 6 ศพ ก็มีผู้พบใบปลิวในพื้นที่เทศบาลนครยะลา ซึ่งในใบปลิวระบุว่า การฆ่าหมู่ 6 ศพ เป็นการกระทำของ “นักรบฟาตอนี” (นักรบปัตตานี) เพื่อตอบโต้การสูญเสียของนักรบฟาตอนี จำนวน 4 ศพ และเนื้อความในใบปลิวยังระบุว่า จะกระทำต่อเด็ก และสตรีโดยไม่มีการละเว้น เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่ขบวนการการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นฯ
 
สิ่งที่น่าสังเกตสำหรับใบปลิวที่พบในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้คือ ข้อความที่ถูกระบุว่า จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่ “บีอาร์เอ็นฯ” ซึ่งในอดีตนั้น ไม่ว่าเป็นใบปลิว หรือเอกสารอื่นๆ รวมทั้งการพูดเพื่อปลุกระดม และโฆษณาชวนเชื่อของขบวนการแบ่งแยกดินแดน จะไม่อ้างถึงบีอาร์เอ็นฯ แต่จะอ้างถึงชาติพันธุ์ ศาสนา และอัตลักษณ์ นั่นคือ มลายู อิสลาม และปัตตานี เป็นหัวใจสำคัญในการเรียกร้องให้ทำสงครามศาสนา หรือ “ญีฮาด” หรือ “จีฮัด”
 
และอีกข้อสังเกตหนึ่งคือ หลังจากวันที่ 28 ก.พ.เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการเริ่มการพูดคุยเพื่อสันติภาพระหว่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับนายฮาซัน ตอยิบ ตัวแทนของขบวนการบีอาร์เอ็นฯ กลุ่มผู้ติดอาวุธในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรียกตนเองว่า นักรบฟาตอนี ต่างออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับนโยบายเปิดพื้นที่พูดคุยสันติภาพ โดยประกาศชัดเจนว่า นักรบฟาตอนีต้องการ “เอกราช” ซึ่งต้องได้มาจากการทำสงครามคือ การสู้รบเท่านั้น
 
แต่ในปลิวปลิวที่พบ นักรบฟาตอนีระบุว่า จะกระทำเพื่อความยิ่งใหญ่ของ “บีอาร์เอ็นฯ” ซึ่งน่าจะไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของปัญหาภายในของกลุ่มก้อนขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เป็นอยู่ในขณะนี้
 
หลังเกิดเหตุหลายฝ่ายจึงโฟกัสไปยัง “มือที่ 3” ที่อาจจะฉวยโอกาสท่ามากลางความอึมครึมที่เกิดจากข้อเสนอ 5 ข้อของบีอาร์เอ็นฯ ที่ฝ่ายไทยรู้สึกว่า “รับไม่ได้” จึงลงมือก่อเหตุร้ายที่รุนแรงขึ้น เพื่อ “ตอกย้ำ” ให้หยุดเวทีการพูดคุยสันติภาพ และให้เห็นว่าสุดท้ายแล้ว นายฮาซัน ตอยิบ ไม่ใช่ตัวจริง หรือไม่มีอำนาจในการสั่งการนักรบฟาตอนีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือต้องการให้เห็นว่า บีอาร์เอ็นฯ สั่งการใช้วิธีรุนแรง เพื่อบีบบังคับให้รัฐไทยยอมรับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังการเปิดพื้นที่พูดคุยครั้งนี้ได้ทำให้กลุ่มชาวไทยพุทธ ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยในพื้นที่ 3 จังหวัดต่างเห็นว่า บีอาร์เอ็นฯ ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี ดังนั้น วิธีที่เหลือคือ การต้องต่อสู้ หรือสู้รบกันต่อไป
 
ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นหนทางนำพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินไปสู่ความรุนแรง และเป็น “กับดัก” ในการนำประเทศไป “ติดหล่ม” สงครามทั้งสิ้น
 
เหตุการณ์ 6 ศพที่เกิดขึ้นที่ปัตตานี หน่วยงานของรัฐจึงอย่าได้ด่วนสรุปว่าเป็นฝีมือของใคร เพราะการสรุปโดยมีหลักฐานแค่ปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ สำหรับพื้นที่อื่นๆ อาจจะถูกต้อง แต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีเรื่องซับซ้อนมากกว่าที่อื่น เนื่องจากอาวุธปืนที่ “แนวร่วม” ใช้ก่อเหตุเป็นปืน “ส่วนกลาง” ที่ “มือสังหาร” ทุกกลุ่มต่างหมุนเวียนกันใช้ ดังนั้น คดีที่ 1 กับคดีที่ 2-3-4 และ 5 ปืนที่ใช้เป็นกระบอกเดียวกัน แต่คนที่ยิงเป็นคนละคน และคนละกลุ่มกัน
 
การด่วนสรุปว่า กลุ่มไหน หรือใครเป็นผู้ลงมือจึงอาจจะออกหมายจับคนผิดตัวตั้งแต่เบื้องต้น ดังนั้น ผู้ที่ก่อเหตุอาจจะไม่ใช่ทั้ง “มะรอเซ ดือรามะ” และ “สักการียา โต๊ะตาหยง” ก็เป็นได้
 
อีกประเด็นหนึ่ง วันนี้สิ่งที่ต้องยอมรับความจริงคือ “ปืน” ที่ “แนวร่วม” ใช้ก่อเหตุยิงประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ส่วนหนึ่งอยู่ในมือของ “คนกลุ่มหนึ่ง” ที่มีหน้าที่เป็น “มือที่สาม” ในการสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นตามที่มีผู้ชี้นำ และต้องการ
 
และอีกประเด็นหนึ่งคือ วันนี้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีทั้งกลุ่มนักรบฟาตอนี “ตัวจริง” และนักรบฟาตอนี “ตัวปลอม” ที่มีคนหลายกลุ่มสามารถนำไปใช้งานได้ ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องไม่ด่วนสรุป และต้องมีการพิสูจน์ทราบเพื่อจะได้ไม่เดินเข้าไปสู่กับดัก ไม่ว่าจะเป็นกับดักของนักรปฟาตอนี หรือของ “นักรบเพาเวอร์พ้อยท์” ที่อาจจะเป็น “คนกันเอง” สร้างขึ้น
 
หลังเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ กำชับให้หน่วยงานความมั่นคงเพิ่มความเข้มในการรักษาความสงบ และปรับแผนยุทธการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการวิเคราะห์ว่า ในเดือน พ.ค.นี้สถานการณ์จะรุนแรงยิ่งขึ้น พร้อมทั้งการยอมรับความจริงว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลประชาชนได้ทั้งหมด ในขณะที่แนวร่วมไม่ต้องดูแลใคร
 
ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องทำคือ การดูแลตนเองเป็นหลัก
 
แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงการฆ่าประชาชน และเด็ก จำนวน 6 ศพในครั้งนี้ หน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็น “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” “ศอ.บต.” และ “ศชต.” ต้องทำความจริงให้กระจ่างถึงสาเหตุของการฆ่าโหดในครั้งนี้ว่าเป็นฝีมือใคร และมีส่วนกับการพูดคุยสันติภาพหรือไม่
 
แต่ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของใคร มือที่ 1 ที่ 2 หรือมือที่ 3 ทุกมือที่กระทำต่างเป็นมือที่โหดเหี้ยม ไร้ความเป็นมนุษย์ ซึ่งประชาชนทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันประณามทั้งสิ้น

กำลังโหลดความคิดเห็น