ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยศาลยุติธรรมไฟเขียวแล้วตั้งศาลท่องเที่ยวแห่งแรกที่กรุงเทพฯ ก่อนขยายไปสู่พื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ต-พัทยา เพื่อพิจารณาคดีเกี่ยวกับปัญหานักท่องเที่ยว
นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวที่จังหวัดภูเก็ต ในโอกาสเดินทางมารับฟังปัญหาการพัฒนาทางด้านการท่องเที่ยว ถึงแนวทางการจัดตั้งแผนกคดีท่องเที่ยวในศาล เพื่อพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ว่า เรื่องของคดีนักท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีปัญหาตามที่เป็นข่าวมีนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดอาชญากรรมที่สำคัญ เช่น ชิงทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งคนร้ายมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์โดยไม่คำนึงถึงผลของผู้ที่ถูกกระทำ อย่างเมื่อเจ้าของทรัพย์ขัดขืนก็มุ่งเป้าว่าจะต้องชิงทรัพย์ให้ได้ โดยใช้อาวุธทำร้าย ทำให้ผู้ที่ถูกกระทำอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วนักท่องเที่ยวเหล่านี้มีเวลาอยู่ในเมืองไทยระยะสั้น คดีแต่ละคดีใช้เวลาดำเนินการนาน ทั้งในเรื่องของชั้นสอบสวน การสรุปสำนวนเพื่อส่งฟ้อง และนานทั้งในเรื่องของการพิจารณาคดี
ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ ตนก็ได้ไปพูดคุยกับทางศาลยุติธรรมแล้ว ว่า ในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นจนจบมีโอกาสที่จะเร่งรัดได้ไหม ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่ามีโอกาสเป็นไปได้ อย่างเช่น ถ้ายังไม่มีการจัดตั้งแผนกคดีท่องเที่ยว หรือศาลท่องเที่ยว ก็จะรับในเรื่องของการจัดให้มีการสืบพยานต่อเนื่องเพื่อให้การพิจารณาคดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นศาลมีภารกิจในเวลาปกติ เมื่อเราเสนอว่าเป็นนอกเวลา ค่ามีความรวดเร็วขึ้น ซึ่งการขยายเวลาในการทำงานก็จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นต้องมีการประชุมตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยว่า พื้นที่ไหนควรจะมีในเรื่องของแผนกคดีการท่องเที่ยวที่ประจำอยู่ในศาลจังหวัด หรือศาลแขวง เพราะว่าบางคดีถ้าทุนทรัพย์ไม่มากก็เป็นศาลแขวง ถ้าเป็นคดีอาญา หรือคดีที่มีทุนทรัพย์มากก็เป็นศาลจังหวัด ทางสำนักงานศาลยุติธรรมก็รับว่าจะพิจารณาเร่งรัดในเรื่องนี้
นายสมศักย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการจัดตั้งแผนกคดีท่องเที่ยวในศาลนั้นก็จะเป็นการนำร่องก่อน ซึ่งจะมีเกิดขึ้นในกี่ไม่จังหวัด และโอกาสที่จะเกิดศาลท่องเที่ยวแห่งแรกคือ ที่กรุงเทพมหานคร แล้วก็มาดูในพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ อย่าง จ.ภูเก็ต กับเมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีโอกาสสูงในเรื่องนี้
นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวที่จังหวัดภูเก็ต ในโอกาสเดินทางมารับฟังปัญหาการพัฒนาทางด้านการท่องเที่ยว ถึงแนวทางการจัดตั้งแผนกคดีท่องเที่ยวในศาล เพื่อพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ว่า เรื่องของคดีนักท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีปัญหาตามที่เป็นข่าวมีนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดอาชญากรรมที่สำคัญ เช่น ชิงทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งคนร้ายมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์โดยไม่คำนึงถึงผลของผู้ที่ถูกกระทำ อย่างเมื่อเจ้าของทรัพย์ขัดขืนก็มุ่งเป้าว่าจะต้องชิงทรัพย์ให้ได้ โดยใช้อาวุธทำร้าย ทำให้ผู้ที่ถูกกระทำอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วนักท่องเที่ยวเหล่านี้มีเวลาอยู่ในเมืองไทยระยะสั้น คดีแต่ละคดีใช้เวลาดำเนินการนาน ทั้งในเรื่องของชั้นสอบสวน การสรุปสำนวนเพื่อส่งฟ้อง และนานทั้งในเรื่องของการพิจารณาคดี
ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ ตนก็ได้ไปพูดคุยกับทางศาลยุติธรรมแล้ว ว่า ในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นจนจบมีโอกาสที่จะเร่งรัดได้ไหม ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่ามีโอกาสเป็นไปได้ อย่างเช่น ถ้ายังไม่มีการจัดตั้งแผนกคดีท่องเที่ยว หรือศาลท่องเที่ยว ก็จะรับในเรื่องของการจัดให้มีการสืบพยานต่อเนื่องเพื่อให้การพิจารณาคดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นศาลมีภารกิจในเวลาปกติ เมื่อเราเสนอว่าเป็นนอกเวลา ค่ามีความรวดเร็วขึ้น ซึ่งการขยายเวลาในการทำงานก็จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นต้องมีการประชุมตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยว่า พื้นที่ไหนควรจะมีในเรื่องของแผนกคดีการท่องเที่ยวที่ประจำอยู่ในศาลจังหวัด หรือศาลแขวง เพราะว่าบางคดีถ้าทุนทรัพย์ไม่มากก็เป็นศาลแขวง ถ้าเป็นคดีอาญา หรือคดีที่มีทุนทรัพย์มากก็เป็นศาลจังหวัด ทางสำนักงานศาลยุติธรรมก็รับว่าจะพิจารณาเร่งรัดในเรื่องนี้
นายสมศักย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการจัดตั้งแผนกคดีท่องเที่ยวในศาลนั้นก็จะเป็นการนำร่องก่อน ซึ่งจะมีเกิดขึ้นในกี่ไม่จังหวัด และโอกาสที่จะเกิดศาลท่องเที่ยวแห่งแรกคือ ที่กรุงเทพมหานคร แล้วก็มาดูในพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ อย่าง จ.ภูเก็ต กับเมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีโอกาสสูงในเรื่องนี้
