ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โจรใช้หัวเชื่อมแก๊สลอบตัดสายยูคล้องกุญแจ หวังขโมยเงินในตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทย ปากทางเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึก เจ้าหน้าที่ชุดทำความสะอาดพบแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ คาดคนร้ายก่อเหตุในช่วงกลางคืน แต่โชคดีไม่ได้เงินไป
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (4 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรวิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่บริษัทแซมโก้ ว่า มีเหตุคนร้ายใช้หัวเชื่อมแก๊สลอบตัดสายยูคล้องกุญแจประตูตู้เอทีเอ็มด้านหลัง ซึ่งเป็นฝั่งที่เจ้าหน้าที่จะต้องนำเงินเข้าออก ของธนาคารทหารไทย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ใกล้กับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย
ภายหลังรับแจ้ง ร.ต.ต.สุภรณ์ เมืองไข่ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรวิชิต รายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบนายเรวัตร อัตรักษ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่1/2 ม.3 ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทแซมโก้ รออยู่ที่เกิดเหตุ พร้อมเพื่อนร่วมงานอีก 1 คน ตรวจสอบบริเวณประตูด้านหลังของตู้เอทีเอ็ม พบว่า ที่บริเวณสายยูคล้องกุญแจถูกตัดจนขาดไป 1 ข้าง ขณะที่ตัวกุญแจยังติดอยู่กับสายยูอีกด้าน หลังจากนั้นได้เปิดประตูตรวจสอบภายในตู้พบว่า ประตูตู้เซฟที่ใช้สำหรับใส่กล่องเงินถูกคนร้ายใช้หัวเชื่อมแก๊สตัดออก และนำไปวางไว้ด้านข้างของตู้ใส่เงิน ส่วนกล่องเงินนั้นยังอยู่ปกติ ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจเก็บ และนำออกมาเพื่อไปตรวจสอบ
ซึ่งจากการสอบถามนายเรวัตร ทราบว่า วันนี้ (4 พ.ค.) ได้รับแจ้งจากบริษัทให้มาทำความสะอาดตู้เอทีเอ็ม จำนวน 2 ตู้ คือ ที่บริเวณทัพเรือภาคที่ 3 จำนวน 1 ตู้ และตู้ที่บริเวณปากทางเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึก ซึ่งในการเดินทางมาทำความสะอาดนั้นนอกจากตน ยังมีเจ้าหน้าที่ช่างอีกรวมประมาณ 5 คน ซึ่งหลังจากทำความสะอาดตู้เอทีเอ็มที่บริเวณทัพเรือภาคที่ 3 เสร็จ ก็ได้เดินทางมาทำความสะอาดที่ตู้ดังกล่าว แต่เมื่อมาถึงพบว่าสายยูกล่องกุญแจประตูถูกตัดขาด จึงได้แจ้งกลับไปยังบริษัท และทางบริษัทได้สั่งให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าประตู้ชั้นนอก และชั้นในถูกคนร้ายใช้หัวเชื่อมแก๊สตัดจนขาดหวังที่จะเอาเงินในตู้เอทีเอ็มออกไป
ซึ่งในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เก็บพยานหลังฐานในที่เกิดเหตุไว้ตรวจสอบแล้ว คาดว่าคนร้ายน่าจะเข้ามาก่อเหตุในช่วงกลางคืน เนื่องจากจุดที่ตั้งตู้เอทีเอ็มอยู่ในที่ค่อนข้างเปลี่ยว แต่ในช่วงที่เกิดเหตุความร้อนของไฟที่เกิดจากการตัดเหล็กไปโดนกับตัวเซ็นเซอร์ทำให้มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น คนร้ายกลัวคนจับได้จึงหนีไปก่อนที่จะหยิบเอากล่องใส่เงินออกมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (4 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรวิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่บริษัทแซมโก้ ว่า มีเหตุคนร้ายใช้หัวเชื่อมแก๊สลอบตัดสายยูคล้องกุญแจประตูตู้เอทีเอ็มด้านหลัง ซึ่งเป็นฝั่งที่เจ้าหน้าที่จะต้องนำเงินเข้าออก ของธนาคารทหารไทย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ใกล้กับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย
ภายหลังรับแจ้ง ร.ต.ต.สุภรณ์ เมืองไข่ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรวิชิต รายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบนายเรวัตร อัตรักษ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่1/2 ม.3 ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทแซมโก้ รออยู่ที่เกิดเหตุ พร้อมเพื่อนร่วมงานอีก 1 คน ตรวจสอบบริเวณประตูด้านหลังของตู้เอทีเอ็ม พบว่า ที่บริเวณสายยูคล้องกุญแจถูกตัดจนขาดไป 1 ข้าง ขณะที่ตัวกุญแจยังติดอยู่กับสายยูอีกด้าน หลังจากนั้นได้เปิดประตูตรวจสอบภายในตู้พบว่า ประตูตู้เซฟที่ใช้สำหรับใส่กล่องเงินถูกคนร้ายใช้หัวเชื่อมแก๊สตัดออก และนำไปวางไว้ด้านข้างของตู้ใส่เงิน ส่วนกล่องเงินนั้นยังอยู่ปกติ ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจเก็บ และนำออกมาเพื่อไปตรวจสอบ
ซึ่งจากการสอบถามนายเรวัตร ทราบว่า วันนี้ (4 พ.ค.) ได้รับแจ้งจากบริษัทให้มาทำความสะอาดตู้เอทีเอ็ม จำนวน 2 ตู้ คือ ที่บริเวณทัพเรือภาคที่ 3 จำนวน 1 ตู้ และตู้ที่บริเวณปากทางเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึก ซึ่งในการเดินทางมาทำความสะอาดนั้นนอกจากตน ยังมีเจ้าหน้าที่ช่างอีกรวมประมาณ 5 คน ซึ่งหลังจากทำความสะอาดตู้เอทีเอ็มที่บริเวณทัพเรือภาคที่ 3 เสร็จ ก็ได้เดินทางมาทำความสะอาดที่ตู้ดังกล่าว แต่เมื่อมาถึงพบว่าสายยูกล่องกุญแจประตูถูกตัดขาด จึงได้แจ้งกลับไปยังบริษัท และทางบริษัทได้สั่งให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าประตู้ชั้นนอก และชั้นในถูกคนร้ายใช้หัวเชื่อมแก๊สตัดจนขาดหวังที่จะเอาเงินในตู้เอทีเอ็มออกไป
ซึ่งในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เก็บพยานหลังฐานในที่เกิดเหตุไว้ตรวจสอบแล้ว คาดว่าคนร้ายน่าจะเข้ามาก่อเหตุในช่วงกลางคืน เนื่องจากจุดที่ตั้งตู้เอทีเอ็มอยู่ในที่ค่อนข้างเปลี่ยว แต่ในช่วงที่เกิดเหตุความร้อนของไฟที่เกิดจากการตัดเหล็กไปโดนกับตัวเซ็นเซอร์ทำให้มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น คนร้ายกลัวคนจับได้จึงหนีไปก่อนที่จะหยิบเอากล่องใส่เงินออกมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป
