ม็อบฆราวาสฮือประท้วงเจ้าอาวาส หลังกันพื้นที่เข้าออกวัดเตรียมทำสวนปาล์ม

นครศรีธรรมราช - ชาวบ้านฮือบุกโวยเจ้าอาวาสวัดถ้ำทองพรรณรา ขุดถนนปิดทางเข้าออกวัดหวังใช้พื้นที่วัดทำสวนปาล์มน้ำมัน รู้ตัวก่อนชาวบ้านประท้วงปิดกุฏิหายตัวจ้อย

วันนี้ (1 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านตำบลถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช หลายคนได้มารวมตัวกันที่วัดถ้ำทองพรรณรา หมู่ที่ 9 ต.ถ้ำพรรณรา เพื่อประท้วง และคัดค้านไม่ให้เจ้าอาวาสวัดทำพื้นที่วัดให้เป็นสวนปาล์มน้ำมันหลังจากที่ถูกขุดยกร่อง และขุดขวางถนนไม่ให้ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางสัญจร

นายอ่ำธรรมชาติ ไกรสิทธิ์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 หมู่ 9 บ้านถ้ำทอง ต.ถ้ำพรรณรา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 ต.ถ้ำพรรณรา ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อเย็นวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมาพระครูสุวรรณ คูหาพิทักษ์ เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เจ้าคณะอำเภอถ้ำพรรณรา ได้นำรถแบ็กโฮมาขุดถนนทำเป็นร่อง เพื่อกั้นขวางถนนไม่ให้สัญจรบริเวณทางเข้าวัดสายหลัก โดยขุดเป็นร่องลึกประมาณครึ่งเมตร ความยาวตามถนนประมาณ 3 เมตร นอกจากนี้ ที่ดินภายในวัดยังมีการขุดหลุมที่มีขนาดความกว้าง และยาวประมาณ 1 เมตร ลึก 50 เซนติเมตร จำนวนมาก จนเกิดความสงสัยว่าเจ้าอาวาสกำลังทำอะไรกับพื้นที่ของวัด

“หลังจากนั้นจึงรวมตัวกันสอบถามเมื่อคืนที่ผ่านมา จนได้ความจากเจ้าอาวาสว่า จะใช้พื้นที่ของทางวัดเพื่อทำสวนปาล์มเพื่อนำรายได้ในอนาคตมาพัฒนาวัด ส่วนถนนนั้นให้ชาวบ้านมาใช้ถนนสายรองข้างวัด หลังรับฟังข้อชี้แจงจากเจ้าอาวาสวัด ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจจึงนัดรวมตัวกันในเช้าของวันที่ 1 พ.ค. เพื่อมากดดันเจ้าอาวาสวัด”

นายอ่ำธรรมชาติ ยังระบุอีกว่า วัดถ้ำทองแห่งนี้ตามประวัติศาสตร์มีตำนานเล่าขานกันสืบทอดมาว่า บรรพบุรุษได้ก่อสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 1,300 ปีมาแล้ว โดยก่อสร้างพร้อมๆ กับวัดพระมหาธาตุวรวิหาร ของเมืองนครนครศรีธรรมราช มีประเพณีที่เก่าแก่คือ ประเพณีขึ้นถ้ำ เดือน 11 ขึ้น 1 ค่ำ ของทุกปี ซึ่งมีการสืบทอดประเพณีนี้กันมาหลายชั่วอายุคน ปัจจุบัน มีพระครูสุวรรณคูหาพิทักษ์ เป็นเจ้าอาวาส และมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าคณะอำเภอถ้ำพรรณรา ที่ดินของวัดมีประมาณ 25 ไร่ ภายในวัดมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ 3 รูป สามเณร 2 รูป

ขณะที่นายสมบูรณ์ ไทยจีน อายุ 42 ปี อบต.ถ้ำพรรณรา เผยว่า เส้นทางเข้าออกของวัดที่ทางเจ้าอาวาสวัดขุดดินปิดถนนในครั้งนี้ชาวบ้านเคยใช้เส้นทางมาหลายสิบปี และทุกวันตอนเย็นๆ จะมีเด็กๆ เยาวชน ประชาชนทั่วไปจะมาใช้พื้นที่ของวัดที่ทำเป็นสนามกีฬาฟุตบอล ก็จะเดินทางมาเล่นกีฬาอยู่เป็นประจำ แต่หลังจากที่ทางเจ้าอาวาสนำรถแบ็กโฮมาขุดดินปิดกันทางเข้าออกของวัด จึงไม่สามารถเข้าไปเล่นกีฬาได้อีกเลย สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก จึงได้รวมตัวเพื่อประท้วงด้วยการนำเต็นท์มาตั้งที่บริเวณปากทางเข้าวัด ที่ทางเจ้าอาวาสนำรถแบ็กโฮมาขุดเพื่อปิดกั้นทางเข้าออก เพื่อไม่ให้มีการสัญจรต่อไป มีการใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีอยู่เป็นระยะ จากนั้นจึงได้ทำหนังสือถึง นายรังสรรค์ รัตนสิงห์ นอภ.ถ้ำพรรณรา โดยมีข้อร้องเรียน 4 ข้อให้นายอำเภอเข้ามาตรวจสอบ ดังนี้

ข้อที่ 1 ขุดถนนปิดทางเข้าออกวัดถ้ำทองพรรณราซึ่งมีมานานที่มีประชาชนใช้เส้นทางเข้าออกตลอด และเข้าไปเล่นกีฬาภายในวัด ข้อที่ 2 การบริหารงานของเจ้าอาวาสวัดถ้ำทองพรรณรา (พระครูสุวรรณ คูหาพิทักษ์) ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชนผู้มีจิตศรัทธาของชาวอำเภอถ้ำพรรณรา และอำเภอใกล้เคียง ข้อที่ 3 ไม่มีการแต่งตั้งกรรมการวัดที่ชัดเจน และข้อที่ 4 การบริหารงานเงินงบประมาณไม่โปร่งใส ไม่มีหลักฐานที่จะชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน จึงลงมติล่ารายชื่อเพื่อเสนอต่อนายรังสรรค์ รัตนสิงห์ นอภ.ถ้ำพรรณรา ให้เข้าไปตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป

หลังจากที่หลายคนได้เข้าตรวจสอบภายในวัดดังกล่าว โดยเฉพาะที่กุฏิของเจ้าอาวาส เพื่อไปขอสอบถามข้อมูลต้นสายปลายเหตุของเรื่องว่าเป็นอย่างไร ได้รับคำตอบจากพระลูกวัดว่า เจ้าอาวาสปิดประตูล็อกกุญแจห้องแล้วออกไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่ได้บอกว่าจะเดินทางไปที่ใด และขณะนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถติดต่อได้