ระนอง - ผู้ว่าฯ ระนอง พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องเยี่ยม และมอบเงินช่วยเหลือเด็กศีรษะโต โรคสมองฝ่อ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระนอง และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระนอง ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 19/2 หมู่ 6 บ้านโตนกลอย ต.กำพวน อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เพื่อเยี่ยม ด.ช.ณัฐพล ช่วยชาติ อายุ 2 ขวบ ซึ่งพิการมีศีรษะโตแต่กำเนิด และ ด.ช.ปณิธาน ช่วยชาติ อายุ 3 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของ ด.ช.ณัฐพล ที่ป่วยมีอาการเป็นโรคสมองฝ่อ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถเดินได้เช่นกัน โดยมี นายกริชสวัสดิ์ ช่วยชาติ น.ส.นุชนาฎ หงส์มา บิดา-มารดา ด.ช.ณัฐพล และ ด.ช.ปณิธาน ให้การต้อนรับพร้อมอธิบายถึงอาการป่วยของ ด.ช.ณัฐพล และ ด.ช.ปณิธาน
โดยระบุว่า หลังจากที่เคยพาน้องณัฐพล ไปรักษามาหลายโรงพยาบาล ทั้งที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง แต่ก็ไม่สามารถรักษาได้ จึงได้นำลูกกลับมาเลี้ยงดูที่บ้าน ซึ่งน้องณัฐพลไม่สามารถขยับตัวได้ พูดไม่ได้ ส่วนใหญ่จะนอนอยู่บนที่นอน ชอบดูทีวี จะนั่งหรือเดินไม่ได้ เพราะน้ำหนักไปอยู่ที่ศีรษะ ทรงตัวไม่ได้ ส่วนอาหารจะทานได้เฉพาะอาหารเหลวเท่านั้น บางครั้งมีอาการไข้ก็จะให้รับประทานยาลดไข้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีอาการแทรกซ้อนแต่อย่างใด ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับ ด.ช.ณัฐพล และ ด.ช.ปณิธาน เป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับการรักษาต่อเนื่องที่โรงพยาบาลศิริราช โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและได้รับการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายอื่นตามความจำเป็นให้แก่ครอบครัว และระหว่างเดินทางไปรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2555
จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้มอบกระเช้าของขวัญ และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง ได้มอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือจำนวนรายละ 3,000 บาท 2 ราย และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มอบเงินสงเคราะห์ฉุกเฉิน 2,000 บาท พร้อมข้าวสาร 1 ถุง บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระนอง มอบเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย 2,000 บาท และกรรมการเหล่ากาชาดมอบเงิน จำนวน 1,000 บาท ให้แก่ครอบครัว น.ส.นุชนาฎ หงส์มา
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ในระยะยาวจะได้นำเข้ากองทุนคุ้มครองเด็กเพื่อพิจารณาช่วยเหลือเงินค่าใช้จ่ายประจำเดือนๆ ละ 2,000 บาท ให้แก่เด็ก จำนวน 2 คน รวมเป็นเงิน 4,000 บาท และค่าเดินทางระหว่างไปรักษาพยาบาลโดยประสานกับสาธารณสุขจังหวัดตามระยะทาง และตามความเหมาะสมต่อไป
