สุราษฎร์ธานี - เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น และทีมสัตวแพทย์เร่งช่วยเหลือลูกช้างป่า “รุ่งอรุณ” หลังแม่ตกลูกได้ 4 วัน และแม่ช้างทิ้ง ส่งผลสุขภาพไม่แข็งแรงกล้ามเนื้ออ่อนแรง ยืนไม่ได้ สัตวแพทย์ต้องดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แม้โอกาสรอดมีเพียง 20%
เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับทีมสัตวแพทย์ ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 ช่วยกันนำ “รุ่งอรุณ” ลูกช้างป่าเพศผู้ วัย 4 วัน น้ำหนักประมาณ 80 กก. และถูกแม่ช้างทิ้ง ไปรักษาตัว และอนุบาลที่โครงการจุฬาภรณ์พัฒนา 8 หลังจากสุขภาพไม่แข็งแรง โดยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทรงตัวไม่ได้ ทำให้กินนมแม่ไม่ได้ หวาดหวั่นว่าอาจจะเป็นอันตรายได้ จึงมีมติร่วมกันนำออกมาดูแลเป็นกรณีพิเศษก่อนเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีชาวบ้านไปพบ “รุ่งอรุณ” เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 ม.ค. โดยสภาพนอนตะแคงตัวอยู่ในบริเวณสวนลองกองของชาวบ้าน ที่บ้านห้วยชัน ม.5 ต.ทุ่งเตาใหม่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ โดยสันนิษฐานว่าแม่ช้างอาจจะตกลูกออกมาแล้วลูกช้างทรงตัวยืนไม่ได้ จึงไม่ได้กินนมแม่ ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้นำสัตวแพทย์เข้าไปดูอาการพบว่า “รุ่งอรุณ” ทรงตัวยืนเองไม่ได้ ในขณะที่แม่ช้างพยายามที่จะให้นมลูกแต่ทำไม่ได้ เนื่องจากลูกช้างยืนทรงตัวไม่ได้เลย ต้องนอนตะแคงตัวอย่างเดียว ต่อมา แม่ช้างได้ทิ้งลูกอยู่ในสวนลองกอง กลางวันได้เข้าไปในป่าทึบ ส่วนกลางคืนจึงลงมาหาลูกช้าง
หลังจากที่สัตวแพทย์ตรวจดูสภาพร่างกาย และอาการแล้ว จึงได้ป้อนนมตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด ในช่วงที่แม่ช้างไม่อยู่ แต่ป้อนนมให้มากไม่ได้เพราะต้องคอยเฝ้าระวังว่าแม่ช้างที่หวงลูกอาจจะเข้ามาทำร้ายได้ จึงต้องเฝ้าเวรยาม
ด้วยสภาพร่างกายของ “รุ่งอรุณ” อ่อนเพลียลงเรื่อยๆ ทางชาวบ้านจึงขอร้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำเจ้า “รุ่งอรุณ” ออกไปฟูมฟักข้างนอกด้วยหวังว่าลูกช้างจะปลอดภัยดีกว่าอยู่ในป่า ประกอบกับชาวบ้านบางส่วนจะได้ประกอบอาชีพทำสวนยางได้ โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 3 ชั่วโมง จึงตกลงเคลื่อนย้ายออกมาดูแลที่โครงการจุฬาภรณ์พัฒนา 8 จนกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย ช่วยเหลือตัวเองได้จึงนำกลับไปคืนแม่ช้างป่า
นายมนตรี บัวแก้ว รักษาราชการแทน ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) กล่าวว่า ต้องให้ทีมสัตวแพทย์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ดูแลเจ้า “รุ่งอรุณ” เป็นกรณีพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย และทรงตัวได้จึงจะปล่อยกลับคืนแม่ โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดูแลห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปรบกวนเด็ดขาด
ขณะที่ทีมสัตวแพทย์ที่ดูแลยืนยันว่า จะดูแลให้ดีที่สุด แม้ว่าโอกาสรอดของเจ้า “รุ่งอรุณ” อยู่ที่ประมาณ 20% ก็ตาม
ระหว่างที่เคลื่อนย้ายลูกช้างออกจากสวนลองกอง สร้างความปลาบปลื้มดีใจแก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยชาวบ้านบอกว่า ถ้าแม่ช้างมาอาละวาด หรือทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านเสียหาย ก็ยอมรับกับสภาพที่เกิดขึ้น เพียงต้องการให้ลูกช้างปลอดภัยมีโอกาสรอด แม้ว่าจะมีเปอร์เซ็นต์น้อย อีกทั้งช่วงระยะนี้ตามปกติช้างป่าก็จะเข้ามาบ่อยๆ ในบริเวณนี้ และมาทำลายทรัพย์สินของชาวบ้าน
