สุราษฏร์ธานี - “ฉัตรป้อง ฉัตรภูมิ” ผวจ.สุราษฎร์ฯ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมระหว่างภาครัฐ และตัวแทนภาคประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน พร้อมบูรณาการวางแผนลดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านในพื้นที่กับนายทุน
วันนี้ (19 เม.ย.) นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า หลังจากได้เป็นประธานเปิดงาน และพบปะผู้เข้าประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมระหว่างภาครัฐและตัวแทนภาคประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินที่จัดขึ้นที่วิทยาลัยการปกครอง หรือศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมกรมการปกครองภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผ่านมานั้น มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้แทนภาคประชาชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ระเบียบ มติ ครม. ปัญหาข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องชัดเจน พร้อมทำให้เกิดความเข้าใจในขั้นตอนวิธีการในการบริหารจัดการอย่างถูกต้องชัดเจนร่วมกันทั้งภาครัฐ และภาคประชาชน จึงทำให้มีแนวทางในการบริหารจัดการอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม และนำไปปฏิบัติได้อย่างครอบคลุมทั้งที่ดินที่จัดสรรแล้ว กำลังจัดสรร และที่จะจัดสรรในอนาคต รวมถึงที่ดินที่ยังอยู่ในสัญญาตลอดจนอยู่ในอำนาจศาล ที่ยังไม่มีคำพิพากษาเด็ดขาดว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด
อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ โดยสันติวิธี และสามารถบริหารจัดการได้ด้วยความปรองดองสมานฉันท์ ทั้งระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชน และระหว่างภาคประชาชนด้วยกันเอง โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนารักษ์ ปฏิรูปที่ดิน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 รวมถึงกลุ่มองค์กรภาคประชาชน และตัวแทนกลุ่มบ้าน
“สำหรับการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการขึ้นในครั้งนี้ เชื่อว่า จะทำให้ภาครัฐและภาคประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายระเบียบปฏิบัติอย่างชัดเจน ช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในกลุ่มองค์กร และการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่อไป” นายฉัตรป้อง กล่าวและเสริมอีกว่า
ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้มีกลุ่มประชาชนรวมตัวกันเรียกร้องที่ดินทำกินเพิ่มมากขึ้น บางกลุ่มได้รับอนุญาตจากส่วนราชการเจ้าของแปลงพื้นที่ให้ราษฎรได้เข้าใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ แต่บางกลุ่มองค์กรไม่เข้าใจในข้อระเบียบกฎหมาย หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และให้ราษฎรเข้าครอบครองพื้นที่อย่างไม่ถูกต้อง ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และความมั่นคง และยังเป็นปัญหาอุปสรรคในการจะนำแปลงที่ดินมาจัดสรรของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในครั้งต่อๆ ไป
