ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติทั้ง 3 ราย ร่วมกันปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเครดิต ตระเวนถอนเงินตามตู้กดเงินสด ยึดของกลางได้ 70 ใบพร้อมรหัส มูลค่าความเสียหายประมาณ 14 ล้านบาท
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (15 เม.ย.) ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวีร์ พรพีรพาน ผู้กำกับการ 5 พ.ต.ท.นิคม เทียนห้าว สารวัตรงานสืบสวน และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ Mr.MHOUSSIN MAHAMOND, Mr.GANZOU AI ZAIDI อายุ 22 ปี ทั้ง 2 คนสัญชาติฝรั่งเศส และ Mr.ADJEMI RAMZI สัญชาติตูนิเซีย อายุ 31 ปี หลังจากจับกุมได้ในทาวน์เฮาส์แห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลทุ่งทอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นแก๊งใช้บัตรเอทีเอ็ม และบัตรเครดิตปลอมเข้ามากดเงินในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์, มีเครื่องมือ หรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงข้อมูลในการปลอมแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม อันได้มาโดยว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลง ส่วน Mr. MHOUSSIN MAHAMOND และ Mr.ADJEMI RAMZI เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุด ในขณะที่ Mr.GANZOUAI ZAIDI ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาแห้ง) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถยึดของกลางได้มากถึง 27 รายการ ประกอบด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก พร้อมเครื่องอ่านข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 1 ชุด, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมพร้อมรหัสกดเงิน จำนวน 70 ใบ ส่วนใหญ่เป็นบัตรของธนาคารในทวีปยุโรป เช่น รัสเซีย ออสเตรีย ตลอดจนสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น, กัญชาแห้งห่อด้วยกระดาษ น้ำหนักประมาณ 7.50 กรัม, ธนบัตรสกุลยูโร จำนวน 6,000 ยูโร และธนบัตรไทยอีก จำนวน 134,000 บาท โดยมีอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส เป็นล่าม ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และยังอ้างว่า ยังมีแกนนำแก๊งที่ยังหลบหนีอยู่ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมต่อไป ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งทอง เพื่อดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมผู้ต้องหาแก๊งนี้ ทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มอบหมายสั่งการให้เฝ้าติดตามจับกุมกลุ่ม หรือแก๊งชาวต่างประเทศที่ลักลอบเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศไทย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทั้งในกรุงเทพมหานคร ชลบุรี เกาะสมุย สุราษฎร์ธานีและจังหวัดภูเก็ต ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับล่าสุด เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่งานสืบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว รับแจ้งจากสายลับว่า มีฐานข้อมูลเก่าจากธนาคารพาณิชย์ในจังหวัดภูเก็ต ต่อมา จึงสืบสวนจนทราบแน่ชัดว่าคนร้ายชาวต่างประ เทศ ลงมือตระเวนใช้บัตรเอทีเอ็มปลอมควบคู่กับรหัสข้อมูลที่โจรกรรม (Hack) มาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวนานาชาติ เพื่อถอนเงินออกจากธนาคารต่างๆ เมื่อได้เงินเป็นจำนวนมากแล้ว จะนำไปใช้จ่ายซื้อของใช้ หรือของฝาก เช่น เสื้อผ้า แว่นตา สร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ และสิ่งของมีค่าอื่นๆ และเงินที่ได้ส่วนใหญ่จะนำไปแลกเป็นเงินสกุลยูโร เพื่อหาจังหวะนำเงินออกนอกประเทศต่อไป
ขณะเดียวกัน รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวต่อไปอีกว่า พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของแก๊งชาวฝรั่งเศส และชาวตูนิเซียในครั้งนี้ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ พื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก มิจฉาชีพข้ามชาติเหล่านี้อาศัยแฝงตัวเข้ามาเพื่อลงมือก่อเหตุ โดยการลักลอบนำอุปกรณ์การปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น และบัตรเครดิตปลอมที่ได้บันทึกขอมูลเอาไว้แล้ว นำมาตระเวนใช้กดเงินตามตู้เอทีเอ็มต่างๆ ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และสำหรับของกลางที่เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมพร้อมรหัสกดเงิน จำนวน 70 ใบนั้น บัตรแต่ละใบสามารถกดเงินขั้นต่ำ 200,000 บาท และบัตรบางส่วนสามารถกดเงินได้สูงกว่านี้ และคิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 14 ล้านบาท โดยคาดว่ายังมีแก๊งอื่นๆ อีกที่เข้ามากระทำความผิด และตำรวจท่องเที่ยวจะติดตามสืบสวนหาข่าวเพื่อจับกุม และเฝ้าระวังความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวต่อไป