ตรัง - จังหวัดตรัง พบโครงการรถคันแรกเกิดปัญหาแล้วกว่า 36 ราย ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนใจไม่ขอใช้สิทธิ และไม่ผ่านไฟแนนซ์ ด้านบริษัทหวั่นจองไว้เยอะ ถึงเวลาจริงรับรถแค่ครึ่งเดียว
น.ส.จงกลนี บัวทอง สรรพสามิตพื้นที่ตรัง ได้สรุปผลจากการดำเนินโครงการรถคันแรก เมื่อปลายปี 2555 โดยพบว่า มีประชาชนมายื่นขอใช้สิทธิ จำนวน 12,864 คัน หรือคิดเป็นเงินคืนภาษีทั้งหมด 942 ล้านบาท สูงสุดคือ รถนั่ง หรือรถเก๋งมูลค่า 585 ล้านบาท คิดเป็น 50% รองลงมาคือ รถกระบะ ดับเบิลแค็บ มูลค่า 316 ล้านบาท คิดเป็น 30% และรถกระบะ ตอนเดียว มูลค่า 22 ล้านบาท คิดเป็น 20% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยอดที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของโครงการ ต่างไปจากก่อนหน้านี้ที่มีผู้มายื่นขอใช้สิทธิในจำนวนที่น้อยมาก โดยเฉพาะการยอดจองรถเก๋งที่สูงมากถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนรถทั้งหมด
ทั้งนี้ หลังจากผ่านพ้นการปิดโครงการรถคันแรกมาได้เกือบ 3 เดือน ปรากฏว่า มีผู้มาขอยื่นขอยกเลิกสิทธิตามโครงการนี้แล้ว จำนวน 36 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 3.87 โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการต้องการยกเลิกใบจอง หรือเปลี่ยนใจไม่ขอใช้สิทธิแล้ว จำนวน 15 ราย รองลงมาคือ ไม่ผ่านไฟแนนซ์ จำนวน 7 ราย ต้องการโอนขายรถ หรือเปลี่ยนมือก่อนระยะเวลาที่กำหนด 5 ปี จำนวน 6 ราย รถเกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรง จนต้องขายซากทิ้งไป จำนวน 3 ราย ผู้จองเสียชีวิตไปก่อนจะรับรถ จำนวน 3 ราย และขาดคุณสมบัติเนื่องจากผู้จองมีอายุไม่ถึง 21 ปี ตามเกณฑ์ที่กำหนด จำนวน 2 ราย
อย่างไรก็ตาม ในจำนวนผู้ที่มายื่นขอจองสิทธิตามโครงการทั้งหมดนี้ มีปัญหาแค่เพียง 1 รายเท่านั้น เนื่องจากได้รับเงินคืนภาษี 1 แสนบาทไปแล้ว และผ่อนชำระรถไปได้ไม่กี่เดือน ก็มาเสียชีวิตลง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างหารือกับกรมสรรพสามิตว่า จะให้ทายาทของผู้เสียชีวิต สามารถคืนเงินภาษีด้วยการผ่อนจ่ายได้หรือไม่ ส่วนรายอื่นๆ ที่เหลืออีก 35 คน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะยังไม่ได้รับรถ และเงินคืนภาษี จึงถือเป็นการยุติสิทธิไปเท่านั้น ส่วนในอนาคตจะมีผู้มาขอยกเลิกสิทธิเพิ่มอีกมากน้อยแค่ไหน คงไม่สามารถประเมินได้ แต่ทุกๆ รายขอให้มาแจ้งเรื่องยังสำนักงานสรรพสามิตเพื่อจะได้เป็นข้อมูลของทางราชการต่อไป
นายวีรวัฒน์ ท่าจีน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โตโยต้าเมืองตรัง ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ผลจากโครงการรถคันแรกเมื่อปี 2555 แม้จะทำให้มียอดจองรถของทุกค่ายรวมกันกว่า 1 หมื่นคัน จนสูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ท้ายสุด เมื่อถึงเวลารับรถจริงๆ ตนเชื่อว่าจะเหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 6 พันคันเท่านั้น เพราะมีอยู่หลายรายที่ไปแจ้งเพียงเพื่อขอใช้สิทธิกับสำนักงานสรรพสามิต แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ อาจไม่มีความต้องการรถ หรือไม่มีความพร้อมผ่อนชำระรถ ก็สามารถไปแจ้งเรื่องของยกเลิกสิทธิได้ทันที เพราะไม่ได้มีความผิดอะไร หากยังไม่ได้รับเงินคืนภาษี
นอกจากนั้น ยังมีผู้ที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรกหลายรายที่มีปัญหาเรื่องติดแบล็กลิสต์ไม่ผ่านไฟแนนซ์ หรือสัญญามีปัญหาจนต้องยกเลิกการขอใช้สิทธิ และยกเลิกการจองกับทางบริษัท รวมทั้งยังมีอีกหลายรายที่ไปจองรถไว้หลายค่าย แต่กลับเอารถเพียงค่ายเดียว โดยยินยอมให้ยึดเงินค่ามัดจำกับทางบริษัท ซึ่งตกอยู่ที่คันละ 3-5 พันบาท ทั้งที่ได้มีการสั่งผลิตรถออกมาแล้ว จนสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นอย่างมาก แถมยังทำให้ตัวเลขตลาดรถบิดเบือนไปจากความเป็นจริงด้วย ซึ่งกำลังรอดูอยู่ว่าจนถึงปลายปี 2556 นี้ จะมีการยกเลิกการจองรถมากน้อยแค่ไหนจากจำนวนรถที่มาจองกับค่ายโตโยต้าทั้งหมดประมาณ 3 พันคัน