ตรัง - สรรพสามิตเตือนผู้มายื่นขอใช้สิทธิตามโครงการรถคันแรก ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด หวั่นเกิดปัญหาไม่ได้รับเงินคืนภาษี เหมือนอย่างบางรายที่กำลังประสบปัญหาอยู่
วันนี้ (9 ม.ค.) น.ส.จงกลนี บัวทอง สรรพสามิตพื้นที่ตรัง เปิดเผยว่า ผลจากการดำเนินโครงการรถคันแรก ปรากฏว่า มีประชาชนมายื่นขอใช้สิทธิมากถึง 12,864 คัน หรือคิดเป็นเงินคืนภาษีทั้งหมด 942 ล้านบาท สูงสุดคือ รถนั่ง หรือรถเก๋ง มูลค่า 585 ล้านบาท คิดเป็น 50% รองลงมาคือ รถกระบะ ดับเบิลแค็บ มูลค่า 316 ล้านบาท คิดเป็น 30% และรถกระบะตอนเดียว มูลค่า 22 ล้านบาท คิดเป็น 20%
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยอดที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของโครงการ ต่างไปจากก่อนหน้านี้ที่มีผู้มายื่นขอใช้สิทธิในจำนวนที่น้อยมาก ชี้ให้เห็นถึงกำลังซื้อที่เกิดมาจากสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะการที่มียอดจองรถเก๋งสูงถึงครึ่งหนึ่ง
นอกจากนั้น ยังมีชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีพื้นที่อยู่ติดกันเดินทางมายื่นขอใช้สิทธิที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรังกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเดินทางมาได้สะดวกกว่า และประทับใจในการให้บริการของทางเจ้าหน้าที่ แม้อาจจะเกิดปัญหาไปบ้างเพราะแต่ละวันมีผู้คนมากมาย
อีกทั้งชื่อของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ก็มีความสลับซับซ้อน เช่น มีภาษาอังกฤษ ทั้งตัวใหญ่ และตัวเล็ก ซึ่งกว่าที่จะบันทึกข้อมูลได้เสร็จสิ้นก็ต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน จึงอยากให้ผู้มายื่นขอใช้สิทธิแล้วกลับไปตรวจสอบเอกสารอีกครั้ง และหากพบความผิดพลาดส่วนใดก็ให้รีบเร่งมาทำการแก้ไขที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรัง
ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของโครงการรถคันแรกมีประชาชนรายหนึ่งที่มีอายุไม่ถึงตามคุณสมบัติแต่ได้มายื่นขอใช้สิทธิเอาไว้ และเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีเวลาที่จะดูรายละเอียดเนื่องจากทำงานกันยุ่งมาก กระทั่งเมื่อมาตรวจสอบเอกสารในภายหลังจึงรู้ว่าไม่มีสิทธิ แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้อีก หรือมีอยู่ 7-8 รายที่รับมอบรถไปแล้วแต่ไม่ได้มาแจ้งสำนักงาน จนผ่านพ้นระยะเวลา 90 วัน ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจทำให้หมดสิทธิได้รับเงินคืนภาษี แต่กรณีนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับกรมสรรพสามิตเพื่อหาทางแก้ปัญหา ดังนั้น จึงอยากให้ผู้มายื่นขอใช้สิทธิทุกรายคอยติดตามผล และดำเนินการตามหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด