รองผู้ว่าฯ ภูเก็ตเปิดห้องเคลียร์ปัญหาที่ดิน ต.ฉลอง หลังชาวบ้านร้องออกโฉนดไม่ถูกต้อง

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต “สมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์” พร้อมหน่วยงานภาครัฐ เปิดห้องประชุมเชิญเจ้าของโฉนด และตัวแทนชาวบ้านเข้าแจงกรณีข้อพิพาทปัญหาที่ดิน จำนวน 83 ไร่ ใน ต.ฉลอง ด้านพนักงานที่ดินยันออกโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย

จากกรณีที่ชาวบ้านคลองมุดง ม.3 ต.ฉลอง จ.ภูเก็ต กว่า 40 ราย ได้เข้าไปจับจองอยู่ในที่ดิน จำนวน 83 ไร่ มาเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่งมีผู้มาแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จนเกิดเป็นข้อพิพาทกันในปัจจุบัน และทางชาวบ้านได้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่เชื่อว่าที่ดินแปลงดังกล่าวซึ่งปล่อยให้รกร้างว่างเปล่ามานานจะมีเอกสารสิทธิ

ล่าสุด วันนี้ (19 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุม กรณีประชาชนร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 73 รวมเนื้อที่ 83 ไร่ ม.3 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายสมยศ เล่าชู เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายเจริญ เทวบุตร กำนัน ต.ฉลอง ตลอดจนหัวหน่วยงานราชการเกี่ยวข้อง และคู่กรณีระหว่างประชาชนผู้ร้องเรียน ซึ่งได้เข้าไปอยู่อาศัยในที่ดินกับผู้อ้างสิทธิในโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวเข้าร่วมประชุม

นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากมีผู้อยู่อาศัยในเขตพื้นที่คลองมุดง หมู่ 3 ต.ฉลอง มีราษฎรกว่า 40 ราย ได้ร้องเรียนมายัง นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ทาง นายประจิตต์ หงษ์หยก และพวกอีก 3 คน ได้มาแสดงสิทธิในที่ดิน เนื้อที่ 83 ไร่ รวมถึงเจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินร่วมด้วย มาทำการรังวัดที่ดิน แต่ชาวบ้านได้มีการคัดค้านไม่ให้มีการรังวัด และประสงค์จะให้มีการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ จำนวน 83 ไร่ ว่าถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากเชื่อว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่น่าจะมีเอกสารสิทธิ เพราะถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่ามาเป็นระยะเวลานาน และบางแปลงก็มีการฟ้องร้องกันอยู่

หลังรับร้องเรียน ทางจังหวัดก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งมาตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ และการประชุมในวันนี้เพื่อเป็นการพูดคุย และหาทางออกโดยยึดถือหลักเกณฑ์กติกาของบ้านเมืองเป็นหลัก อยู่บนพื้นที่ฐานที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้โต้แย้งถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว

เริ่มจากเจ้าของโฉนดกล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้เดิมเป็นโฉนดเก่า ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 รวม 5 แปลง เนื้อที่ 83 ไร่ และได้เปลี่ยนมือมาเป็นของ บริษัทโกยสมบูรณ์ ซึ่งได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้มาก่อนปี พ.ศ.2551 และได้เปลี่ยนมือมาเป็นของ รายหงษ์หยก และรายอื่นๆ อีก 3 ราย เมื่อปี พ.ศ.2551 และต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2554 ทางเจ้าของที่ดินได้ยื่นขอรวมโฉนด จากที่ดินโฉนด 5 แปลง เป็นโฉนดแปลงเดียวกันในปัจจุบัน และในวันที่ไปทำการรังวัด เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2554 ผู้ทำการรังวัดยืนยันว่า ไม่มีบ้านของชาวบ้านในพื้นที่พิพาท ต่อมา เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2556 ที่ผ่านมา จะเป็นการไปรังวัด เพื่อที่จะทำการสอบสวนว่า มีใครรุกล้ำเข้าไปในที่ดินแปลงนี้บ้าง ซึ่งก็มีการคัดค้านการรังวัด โดยฝ่ายชาวบ้านสัญญาว่า จะไม่ก่อสร้างบ้านเพิ่มเติมในที่ดินพิพาท แต่ก็มีก่อสร้างบ้านเพิ่ม ทางฝ่ายเจ้าของที่ดินก็ตกลงกันว่าจะต้องดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก

อย่างไรก็ตาม เจ้าของที่ดินยืนยันว่า โฉนดมีมาก่อนที่ชาวบ้านจะเข้าไปอยู่อย่างแน่นอน เพราะก่อนที่จะไปซื้อโฉนดแปลงนี้หรือทำนิติกรรมต่อจาก นางวาสนา โกยสมบูรณ์ ก็ได้เข้าไปตรวจสอบที่ดิน ก็ไม่มีผู้บุกรุกเข้ามาอาศัย ดังนั้น เพิ่งจะมาบุกรุกกันจริงๆ หลังวันที่ 16 ก.ย.2554

ขณะที่ทางฝ่ายตัวแทนผู้ร้องกล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้เดิมถูกปล่อยให้เป็นที่รกร้างเป็นป่า และตั้งแต่ปี 2546 ที่ชาวบ้านได้เข้ามาอยู่อาศัยก็ไม่เคยมีใครเข้าไปคัดค้าน หรือแสดงสิทธิเรื่อยมา จนถึงปี 2549 ก็มีผู้มาแสดงสิทธิว่าเป็นที่ดินของโดยสมบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนมือมาเป็นของหงษ์หยก และรายอื่นๆ อีก 3 ราย และในวันนี้ทางชาวบ้านได้เดินทางมาร่วมประชุมก็เพื่อต้องการฟังคำชี้แจงผลการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ชี้แจ้งแล้วนั้น ทางเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ก็ได้ยืนยันกับทางตันแทนชาวบ้านผู้ร้องว่า จากการตรวจสอบเอกสารสิทธิแปลงนี้ จำนวน 83 ไร่ มีมาเป็น 100 ปีมาแล้ว และเจ้าของเดิมมีการขายฝาก หลุดจากการขายฝาก เจ้าของใหม่ 4 รายปัจจุบัน ก็ได้หุ้นกันซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว แล้วมารวมแปลงจาก 5 แปลง มาเป็นแปลงเดียว เป็นการออกโดยการรวมโฉนด 5 แปลง และได้ออกโดยถูกต้องตามกระบวนการ