xs
xsm
sm
md
lg

ป่าไม้สุราษฎร์ฯ สนธิกำลังจับกุมผู้บุกรุกป่าต้นน้ำคลองห้วยเคียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุราษฎร์ธานี - ป่าไม้สุราษฎร์ธานี สนธิกำลังเข้าจับกุมผู้บุกรุกป่าต้นน้ำคลองห้วยเคียน เขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น หลังมีหนังสือร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่อุทยาน และครู เกี่ยวข้องกับการบุกรุกพื้นที่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (13 มี.ค.) นายพิเชษฐ์ ไชยสวัสดิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น นายวีระเกียรติ ลักขะไชย หัวหน้าสายตรวจพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสุมล พัฒนราช หัวหน้าชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และตำรวจป่าไม้ พร้อมกำลังกว่า 30 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น บริเวณป่าต้นน้ำคลองห้วยเคียน ม.17 บ้านสวนกล้วย ต.บ้างส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี

ตามคำสั่ง นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับหนังสือร้องเรียนว่า พบการบุกรุกตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ จำนวน 3 แปลง พื้นที่เสียหายมากกว่า 300 ไร่ แล้วทำการปลูกต้นยางพารา อายุประมาณ 6 เดือน โดยระบุว่า มีเจ้าหน้าที่อุทยาน และผู้นำชุมชนในพื้นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

จากการตรวจสอบพบทั้ง 3 จุด มีการบุกรุกป่าไม้จริง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจยึด จับพิกัด GPS เป็นรายแปลง และทำการตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด ขณะเจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบแปลงที่ 3 ที่เป็นแปลงที่ลาดชันเนินเขาสูง และมีการบุกรุกตัดโค่นไม้ขนาดใหญ่ บางต้นพบมีการใช้เครื่องเลื่อยโซ่ยนต์เลื่อยรอบต้นไม้เพื่อให้ลมพัดล้มเอง หรือไม่ก็ยืนต้นตาย

ขณะเข้าตรวจสอบ พบนายอุเทน เผ่าภู่ อายุ 36 ปี กำลังฉีดยาบำรุงต้นยางพารา ที่มีอายุประมาณ 6 เดือน อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทำการสอบสวน ในเบื้องต้น นายอุเทน ได้ระบุว่า เจ้าของสวนชื่อ ครูวิลัย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ในโรงเรียนสามัคคีอนุสรณ์ ในพื้นที่หมู่บ้านสวนกล้วย ได้ว่าจ้างตนเองมาทำการฉีดยาบำรุงต้นยางพารา จึงควบคุมตัวส่งมอบต่อพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสระ และเตรียมขอหมายจับเจ้าของสวนมาดำเนินคดีไป

ส่วนการสอบสวนในเชิงลึก พบว่า ทางเจ้าหน้าที่อุทยาน และผู้นำชุมชนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกรุกป่าในครั้งนี้ เตรียมทำรายงานเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อไป




 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น