ASTVผู้จัดการออนไลน์ - โจรปัตตานียังเหิม เช้าวางบึ้มทหารเจ็บสาหัส 2 นาย ตกเย็นยิงเอ็ม 79 ถล่ม สภ.กะพ้อ ตำรวจเจ็บ 6 นาย ตำรวจ-ทหารยะลา ยึดรถเก๋งต้องสงสัยใช้ทำคาร์บอมบ์ ขณะที่กองกำลัง 3 ฝ่ายสงขลา ระดมพลตั้งด่านสกัดคาร์บอมบ์เข้าหาดใหญ่ “ประชา” เรียกถกแนวทางใช้ ม.21 ตกลงให้ กอ.รมน.ฟันธง “วันนอร์” ยันวาดะห์แค่อยากทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ส่วน “มาร์ค” แนะ “ปู” ตั้ง “ยุทธศักดิ์“ แก้ปัญหาใต้เวิร์กกว่า
เมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้ (22 ก.พ.) ขณะที่ตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี กำลังปฏิบัติหน้าที่ และอีกส่วนกำลังออกกำลังกายอยู่บริเวณลานหน้าโรงพัก ปรากฏว่า มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ใส่ สภ. 3 ลูก ส่งผลให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 6 นาย หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.อดุลย์ ปีแนบาโง ผกก.สภ.กะพ้อ ตรวจสอบพบว่า ลูกปืนเอ็ม 79 ตกลงที่หน้าโรงพัก 2 ลูก ด้านข้าง 1 ลูก
โจรปัตตานีเหิมยิงเอ็ม 79 ถล่มตำรวจเจ็บ 6
ขณะที่ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า มีตำรวจบาดเจ็บ 6 นาย ลูกระเบิดเอ็ม 79 ตกลงบริเวณสัญญาณไฟฉุกเฉินบนหลังคารถ 6 ล้อ ซึ่งเป็นรถบรรทุกผู้ต้องหาที่จอดอยู่หน้า สภ.กะพ้อ ทำให้รถเสียหาย สะเก็ดกระเด็นใส่ตำรวจที่กำลังเล่นกีฬาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งตำรวจตระเวนชายแดน ทหาร และตำรวจ สภ.กะพ้อ ได้จัดชุดไล่ล่าติดตามคนร้ายแล้ว
ก่อนหน้านี้ เวลา 07.40 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.อดุลย์ ปีแนบาโง ผกก.สภ.กะพ้อ รับแจ้งมีเหตุระเบิดหน้าสถานีอนามัยตะโละดือรามัน หม่ 4 ต.ตะโละดือรามัน จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ พบว่า คนร้ายนำระเบิดมาซุกไว้ริมถนน โดยพบชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ สอบสวนทราบว่า ขณะทหาร ฉก.ปัตตานี 25 ชุดรักษาความปลอดภัยครู 6 นาย กำลังเดินตรวจเส้นทางก่อนที่คณะครูจะผ่านมา คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง แต่โชคดีที่ทหารเดินตามยุทธวิธีจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
เช้าวางบึ้มในโรงเรียน พลทหารสาหัส 2 นาย
เวลา 07.53 น. ขณะที่ทหารร้อย ร.2514 ฉก.ปัตตานี 24 กำลังดูแลความปลอดภัยครู บริเวณโรงเรียนบ้านเกาะตา ริมถนนสาย 419 หมู่ 3 ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ ปรากฏว่า คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง แรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย เจ้าหน้าที่รีบนำส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์ ทราบชื่อ พลฯ บรรหาร ลักนาควร อายุ 22 ปี และพลฯ ภัทรพรรค แก้วชู อายุ 22 ปี ทั้งสองถูกสะเก็ดระเบิดเข้าทีลำตัวหลายแห่ง
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย พ.ต.ท.จำลอง สุวรรณลักษณ์ สารวัตรใหญ่ สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ นำกำลังพร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ พบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ที่อาคารอเนกประสงค์ภายในโรงเรียน แรงระเบิดทำให้เสาของอาคารขาด ตัวอาคารทรุดพังเสียหาย และพบหลุมระเบิดกว้าง 30 เซนติเมตร ชิ้นส่วนระเบิดชนิดเคโมกระจายไปทั่วบริเวณ
สอบสวนทราบว่า ขณะที่ทหารทั้ง 2 นาย พร้อมเพื่อนทหาร รวม 7 นาย กระจายกำลังยืนดูแลความปลอดภัยครู และนักเรียน ปรากกฏว่า คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่องหนัก 5 กิโลกรัมด้วยโทรศัพท์มือถือ จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น โชคดีที่ช่วงเกิดเหตุนักเรียน และครูเพิ่งทยอยมาโรงเรียน
ต่อมา พล.ต.ต.เอกภพ ได้วิทยุด่วนที่สุดถึงตำรวจทั้ง 12 อำเภอ ให้เพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะสถานที่ราชการ ย่านชุมชน พร้อมกำชับให้ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทันที เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้กลุ่มก่อความไม่สงบมีโอกาสออกมาก่อเหตุ ขณะเดียวกัน ได้เรียกชุดสืบสวนสอบสวน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 100 นาย ซึ่งเป็นชุดที่ผ่านการฝึกอบรมเชิงสืบสวนสอบสวนมาประชุม โดยย้ำให้ปฏิบัติเชิงรุก หากต้องเผชิญเหตุในสถานการณ์จำเป็นให้ตอบโต้ แต่ต้องอยู่ในความไม่ประมาท เน้นความปลอดภัยของประชาชน และตนเองเป็นหลัก ซึ่งชุดดังกล่าวจะแบ่งกำลังปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยกำลังทหาร เพื่อเร่งสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง โดยเฉพาะไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุระเบิด 10 จุด สร้างความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินเมื่อเร็วๆ นี้
ตร.-ทหารยะลา ยึดรถต้องสงสัยทำคาร์บอมบ์
เวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ที่ สภ.เมือง จ.ยะลา พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมือง ตรวจสอบรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สภาพเก่า ไม่ติดป้ายทะเบียน และไม่มีเอกสารหลักฐาน หลังจาก พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 นำกำลัง 80 นาย ตรวจยึดจากอู่เลขที่ 94/1 หมู่ 8 บ้านบุดี ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อกลางดึก
พ.ต.อ.สุคนธ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวว่า มีรถยนต์ต้องสงสัยเข้ามาประกอบระเบิดแบบคาร์บอมบ์ที่อู่แห่งหนึ่ง จึงนำกำลังตำรวจชุดสืบสวน หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 เข้าตรวจค้นอู่ในพื้นที่บ้านบุดี ของนายแวอุเซ็ง สีมายอ พบรถยนต์คันดังกล่าว หมายเลขเครื่อง MF616-602614 หมายเลขตัวถัง EJ-902581 ลักษณะต้องสงสัยตรงตามที่สายข่าวรายงาน จึงตรวจยึดมาตรวจสอบต่อไป
เบื้องต้น นายแวอุเซ็งให้การว่า เจ้าของรถคันชื่อนายยิ ไม่ทราบนามสกุล เป็นรถของชาวมาเลเซีย โดยนายยิได้ลากมาซ่อมที่อู่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา แจ้งว่าสตาร์ทไม่ติด แต่จนถึงขณะนี้ไม่สามารถติดต่อนายยิได้ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป
กำลัง 3 ฝ่ายสงขลาระดมพลป้อง “หาดใหญ่”
ที่ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังผสมทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ประจำด่านร่วมบ้านควนมีด ถนนเอเชีย อ.จะนะ ซึ่งเป็นด่านตรวจแรก เชื่อมต่อระหว่าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา ก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่ อ.หาดใหญ่ และ อ.เมือง ยังคงมีมาตรการตรวจเข้มตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบนำรถยนต์ที่ประกอบเป็นคาร์บอมบ์เข้ามาก่อเหตุ โดยเฉพาะรถยนต์ต้องสงสัย 5 คัน ประกอบด้วย รถกระบะยี่อีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บร 7934 สงขลา รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ไม่ทราบทะเบียน รถกระบะอีซูซุ ดราก้อนอาย สีเขียว ไม่ทราบทะเบียน รถยนต์โตโยต้า ยาริส สีเปลือกมังคุด ทะเบียน 2473 ไม่ทราบหมวดอักษร และรถยนต์โตโยต้า โคโรลล่า สภาพเก่า สีแดงเลือดหมู ไม่ทราบทะเบียน
ที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา นายกองเอกพิรสิญจ์ พันเพ็งธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในฐานะรองผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลา ปิดค่ายฝึกทบทวนยิงปืนสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ปี 2556 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้สมาชิกมีความรู้ความชำนาญ และสามารถใช้อาวุธปืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มพูนขีดความสามารถของสมาชิก สร้างขวัญกำลังใจ และเกิดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบ สำหรับหลักสูตรที่ฝึก ประกอบด้วย การฝึกใช้อาวุธปืนประจำกาย ยิงด้วยกระสุนจริง ท่ายิงอาวุธปืนประจำกาย ปิดล้อมตรวจค้นตามคำสั่งยุทธการ โดยมีครูฝึกจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 และกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลาที่ 1 เน้นการใช้ปืนอาก้า และเอ็ม 16
ผู้ว่าฯ จัดเลี้ยงส่ง 5 ครูชาวนากลับบ้านสิงห์บุรี
ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายกเหล่ากาชาดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และตำรวจ ร่วมเลี้ยงส่งชาวนาจาก จ.สิงห์บุรี 5 คน ที่ได้รับบาดเจ็บ หลังถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิง เหตุเกิดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมารับกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น โดยนายประมุข ได้มอบวัตถุมงคลให้ผู้บาดเจ็บและญาติ เพื่อความป็นสิริมงคลด้วย
จากนั้น นายกเหล่ากาชาด หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร ร่วมกันมอบดอกกุหลาบเพื่อสื่อถึงความรัก และห่วงใยจากพี่น้องชาวปัตตานี ก่อนที่จะเดินทางกลับโดยรถตู้ ซึ่งทางจังหวัดจัดเตรียมไว้ให้ 2 คัน โดยมีรถของเจ้าหน้าที่คุ้มกันอย่างแน่นหนา
นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า วันที่ 26 กุมภาพันธ์ จะมีการประชุมร่วมระหว่างสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่โรงแรมซี เอส ปัตตานี ถึงการดูแลความปลอดภัยครูในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งระหว่างที่ยังไม่มีการประชุม ขอให้เพื่อนครูระมัดระวังตัว เพราะจากเกิดเหตุวิสามัญผูก่อความไม่สงบ 16 ศพ จะต้องมีการแก้แค้นแน่นอน และครูคือกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น ชุมชนไหนไม่ปลอดภัยก็อย่าไป และให้ปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยครูอย่างเคร่งครัด
“กรณีที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บอกว่าครูไม่ใช่เป้าหมายนั้น อาจจะหมายถึงบางเหตุการณ์ เช่น เหตุระเบิดบริเวณหอนาฬิกา อ.เมือง จ.ปัตตานี อย่างไรก็ตาม สำหรับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป้าหมายจะเป็นใครก็ได้ แต่ครูเกี่ยวข้องกับการศึกษาจึงเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน การที่ครูถูกยิงแล้วเป็นข่าวนั้น ผู้ก่อความไม่สงบถือว่าปฏิบัติการสำเร็จ จึงต้องช่วยกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุกับครู”
ศรัทธาแรงกล้าจัดงานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ยังคงแกะรอยคนร้ายที่ลอบวางระเบิด และระเบิดเพลิง 10 จุดกลางเมืองปัตตานี สร้างความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินไปเมื่อเร็วๆ นี้ ปรากฏว่า ที่เวทีกลางถนนปะนาเระ (ชุมชนหัวตลาด) อ.เมือง จ.ปัตตานี ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เป็นประธานเปิดงานมหกรรมท่องเที่ยวปัตตานีอาเซียน ประจำปี 2556 “กตัญญูคู่ฟ้า มหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวปัตตานี” ระหว่างวันที่ 21-27 กุมภาพันธ์ โดยว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ กล่าวว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นศูนย์รวมประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น อีกทั้งมีมรดกทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่น่าศึกษา เช่น วัดช้างให้ มัสยิดกรือเซะ และศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตลอดจนมีวิถีชีวิตชุมชนที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร สิ่งเหล่านี้นับเป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ จะมีพิธีอัญเชิญองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ประทับบนเกี้ยวมหามงคลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แห่รอบเมืองปัตตานี
“เหลิม” ยังปากดีรู้ดีทุกเรื่อง-ต่อสายสั่งตลอด
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวว่าผู้ก่อความไม่สงบเตรียมคาร์บอมบ์ไว้อีก 5 คันว่า เรื่องแบบนี้ตนไม่พูด เพราะสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยังไม่ได้รายงานมา วันนี้ก็มีสื่อไปแขวะตนว่าออกมาพูดก่อน ก็จะไม่ให้พูดได้อย่างไร เมื่อทาง สมช.รายงานมา แล้วตนมีนโยบายป้องกันแ ละไม่ต้องการให้เหตุเกิดก่อน อย่างกรณีข่าวกลุ่มฮิสบอเลาะห์เข้ามาในประเทศไทย ก็ให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเชิญตัวมาก่อน มาเก็บตัวไว้ก่อน ทางสหรัฐอเมริกาก็เต้น จนวันนี้เหตุการณ์นิ่ง 100% แล้ว
“ผมทำงานแบบตำรวจเก่า แต่บางคนไม่เคยเป็นตำรวจมาก่อน บางเรื่องอาจจะเก่ง แต่ขาดความเข้าใจการประสานงาน ก่อนหน้านี้ ทางสำนักข่าวกรองแห่งชาติแจ้งผมมาว่า คนกลุ่มนี้จะไปสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ผมก็ต้องบอกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำหรับภาคใต้ ผมอาจจะลงพื้นที่บ้าง ไม่ลงบ้าง แต่พอผมได้ข่าวปุ๊บก็จะแจ้งไปยังผู้ปฏิบัติทุกคนในพื้นที่เป้าหมาย โดยจะโทรศัพท์คุย ไม่ใช่ว่าผมนั่งอยู่ในทำเนียบโดยไม่ดูดำดูดีเขา ผมติดตามตลอด เขาทำงานกันแบบบูรณาการ ภายใน 10 นาที ข่าวก็ถึงกันหมดแล้ว”
“ประชา” ถกใช้ ม.21 สรุปให้ก อ.รมน.ฟันธง
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังประชุมกำหนดแนวทางการบริหารจัดการคดีความมั่นคง ร่วมกับ กอ.รมน. สมช. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ อัยการ และตำรวจว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปว่า 1.การพิจารณาขยายพื้นที่ใช้มาตรา 21 ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 และลดพื้นที่ใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ให้เป็นไปตามความเห็นของ กอ.รมน.และ 2.ในพื้นที่ซึ่งไม่ได้ใช้มาตรา 21 จะบริหารจัดการการบังคับใช้กฎหมายแบบบูรณาการ
“การลด หรือเพิ่มพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.นั้น กอ.รมน.จะเป็นผู้พิจารณานำเสนอที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการณ์ขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ซึ่งจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม การประกาศใช้ พ.ร.ก.จะครบกำหนดวันที่ 19 มีนาคมนี้แล้ว”
พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า การใช้มาตรา 21 ต้องมีขั้นตอนกลั่นกรองกลุ่มบุคคลโดย กอ.รมน. รวมถึงจะแต่งตั้งอัยการเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการกลั่นกรองด้วย เพื่อแยกให้ชัดว่ากลุ่มใดคือกลุ่มผู้กระทำความผิด และกลุ่มใดคือผู้หลงผิด ซึ่งการบังคับใช้มาตรา 21 จะเป็นประตูสู่กระบวนการสร้างสันติภาพ
“วันนอร์” เห็นด้วย-ลั่นวาดะห์ไม่เกี่ยวการเมือง
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา แกนนำกลุ่มวาดะห์ และที่ปรึกษา ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กรณีจะใช้มาตรา 21 แก้ปัญหาความไม่สงบนั้น เป็นเรื่องที่ดี ตรงกับหลักศาสนาอิสลามเรื่องการให้อภัยซึ่งกันและกัน ควรจะให้โอกาสผู้หลงผิดเข้ามามอบตัว และทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติต่อไป
เมื่อถามว่า การเข้ามาเป็นที่ปรึกษาถือเป็นการจะกลับมาทำงานทางการเมืองหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง และอยากจะช่วยแก้ปัญหา
“มาร์ค” แนะ “ปู” ตั้ง “ยุทธศักดิ์” แก้ใต้เวิร์กกว่า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการแต่งตั้งให้หนึ่งในกลุ่มวาดะห์เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่า ไม่ได้คิดว่ามีอะไรผิดปกติ เพราะกลุ่มนี้ก็เคยสังกัดขั้วนั้นอยู่แล้ว ตนไม่ติดใจ การแข่งขันทางการเมืองก็ว่ากันไป แต่อย่าเอาเรื่องการแก้ปัญหามารับใช้เป้าหมายทางการเมือง ถ้าเอาการเมืองมารับใช้เป้าหมายการแก้ปัญหาก็ไม่ว่ากัน
“ผมอยากให้มีความชัดเจนในมาตรา 21 กับเรื่องกฎหมายพิเศษ ซึ่งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ผมมีโอกาสได้พบกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จึงสอบถามว่าดูแลปัญหาภาคใต้อยู่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็บอกว่าช่วยอยู่ ซึ่งผมก็หนักใจว่าคนที่ดูแลกลับไม่มีอำนาจ และเมื่ออ่านคำสัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม ผมก็ป็นห่วงว่าเข้าใจในสิ่งที่จะทำหรือไม่ ผมคิดว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ น่าจะทำเรื่องนี้ได้ดีกว่า ดังนั้น หากนายกรัฐมนตรี จะทบทวนผมว่ายังไม่สายเกินไป”
