กระบี่ - ประมงอำเภอเมืองกระบี่ลงสำรวจเกษตรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง จำนวนกว่า 30 ราย ห่วงเรื่องกระแสน้ำเย็นไหลเข้าฝั่งเร็วกว่าทุกปี เกรงกระทบชาวบ้าน ด้านเกษตรเผยนำภูมิปัญญาท้องถิ่นใช้ใบโกงกางรับมือสถานการณ์
วันนี้ (20 ก.พ.) ที่บริเวณพื้นที่ หมู่ 7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ นายประเวช อวิรุทธพานิชย์ ประมงอำเภอเมืองกระบี่ กล่าวระหว่างการลงสำรวจการเลี้ยงปลาในกระชังของเกษตรว่า ทางประมงอำเภอเมืองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเกษตกร จำนวน 36 ราย ที่มีการเลี้ยงปลาในกระชังเพื่อตรวจดูปลาในกระชัง เนื่องจากอยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทุกปี โดยเฉพาะช่วงปลายฤดูนั้น จะมีกระแสน้ำเย็นไหลเข้ามาในพื้นที่ปากแม่น้ำของกระบี่ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ปลาในกระชังของชาวบ้าน เช่น ปลาเก๋า และปลากะพงของเกษตรกร ทยอยตายเพราะปรับสภาพไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของฤดู อย่างไรก็ตาม ในปีนี้กลับพบว่า จำนวนการปลาตายของปลาในกระชังมีจำนวนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา สรุปแล้วเจ้าของกระชังปลา 1 ราย มีการตายของปลาเฉลี่ยวันละ 5-10 ตัว
ประมงอำเภอเมืองกระบี่ ยังกล่าวต่อว่า ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี จะมีกระแสน้ำเย็นจากทะเลนอกไหลเข้ามาบริเวณชายฝั่ง ส่งผลให้ปลาในกระชังไม่สามารถปรับตัวได้ ทำให้มีปลาตายเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้พบว่า กระแสน้ำเย็นไหลเข้ามาเร็วกว่าทุกปี แต่กระแสน้ำที่ไหลมานั้นกลับมีไม่มาก จากนั้นก็ไหลกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงทำให้ปลาที่เกษตรกรเลี้ยงไว้มีอัตราการตายจำนวนน้อยลง ประกอบกับทางเจ้าหน้าที่มีการให้คำแนะนำเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังให้ระมัดระวัง หากพบปลาตายจำนวนมากก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังในพื้นที่ดังกล่าวมีวิธีการป้องกันในเบื้องต้นด้วยการนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ โดยนำเอาใบโกงกางสดๆ มาวางไว้ในกระชัง เพื่อให้ปลาได้อาศัยในช่วงที่สภาพน้ำทะเลมีความร้อนสูง ซึ่งยางของใบโกงกางนั้นก็จะทำหน้าที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บ ในกรณีที่เกิดบาดแผลเล็กน้อยได้ ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยลดผลกระทบต่อปลาในกระชังในช่วงที่สภาพน้ำทะเลเปลี่ยนแปลง