ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนอาจเรียกได้ว่า ข้าวยากหมากแพง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กลับสวนกระแสเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมผุดขึ้นมารวดเร็วราวกับดอกเห็ด เมืองหาดใหญ่กำลังกลายเป็นแหล่งอสังหาริมทรัพย์รองรับการหลั่งไหลของผู้คนที่เข้ามาทำงาน เข้ามาเรียน รวมทั้งซื้อหาบ้านหลังที่ 2 ไว้เผื่อพักอาศัยเป็นครั้งคราว
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” จึงถือโอกาสสัมภาษณ์นายธนวัฒน์ พูนศิลป์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จ.สงขลา ถึงแนวโน้มการขยายตัวในแนวดิ่งของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ใน อ.หาดใหญ่ ว่าเหตุใดจึงเติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟูถึงขนาดนี้ ?
ปัจจัยหลักที่ทำให้เมืองหาดใหญ่มีการขยายตัวในแนวดิ่ง ผมรวบรวมไว้เป็น 9 ปัจจัยหลัก แต่จะคุยบางประเด็นเพราะมีเยอะมากจริงๆ เดิมหาดใหญ่ซึ่งไม่มีคอนโดฯ เลย เริ่มมีหาดใหญ่ซิตี้ในเครือนภาลัยเมือ 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้น คอนโดฯ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ราคาที่ดินในหาดใหญ่ค่อนข้างสูงถ้าเปรียบเทียบกับ จ.เชียงใหม่ และ จ.ขอนแก่น เพราะฉะนั้น เมื่อราคาที่ดินสูงการพัฒนาแนวราบจะทำได้ยากขึ้น คนก็เลยหันไปทำคอนโดฯ กัน
สาเหตุที่ 2 คือ เหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2553 ทำให้เกิดคอนโดมิเนียมขึ้นในปี 2554 และ 2555 ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะคนกลัวน้ำท่วม และไม่มั่นใจว่าต่อไปจะท่วมอีกไหม ก็เลยคิดว่าการซื้อคอนโดฯ คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า และบังเอิญว่าคอนโดฯ ที่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง คนก็เลยหนีจากการซื้อบ้านมาซื้อคอนโดฯ แทน
ประเด็นที่ 3 คือ เมื่อที่ดินหาดใหญ่มีราคาสูง บ้านระดับราคาไม่ถึงล้าน หรือล้านต้นๆ จะไม่มีขายในตลาด ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คนหันมาเหมาซื้อคอนโดฯ พอมีคอนโดฯ เปิดใหม่ในราคาเริ่มต้นที่ 700,000 กว่าบาท ซึ่งตอนนั้นก็มีบางโครงการเปิดตัวในราคาไม่ถึงล้าน หลังจากนั้น ก็เปิดตัวในราคาระดับล้านต้นๆ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในราคานี้ คนก็เลยหันมาซื้อคอนโดฯ ทดแทน
ส่วนคนที่ต้องการบ้านแนวราบ บ้านเดี่ยว หรือชั้นเดียว ซึ่งไม่มีขายแล้วในราคาล้านต้นๆ แม้แต่ทาวน์เฮาส์ก็ยังไม่มีแล้วในราคานี้ ถ้าจะหาทาวน์เฮาส์ในราคาล้านต้นๆ ก็ต้องไปแถวคลองแห ซึ่งอยู่ไกล และเป็นพื้นที่น้ำท่วม หรือโซนคลองหอยโข่ง โซนสนามบิน ซึ่งตรงนั้นมีมลพิษทางเสียง มีเครื่องบินขึ้นลงบ่อย ทำให้ที่ดินละแวกนั้นมีราคาถูก บ้านที่ขายราคาจึงมีราคาไม่ถึงล้าน หรือล้านต้นๆ ทำให้คนหนีจากจุดนั้นมาซื้อคอนโดฯ กันหมด ซึ่งเหมาะสมกับเมืองใหญ่
ปัจจัยที่คอนโดฯ จะเกิดขึ้นได้เมืองนั้นจะต้องแออัด ที่ดินมีราคาแพง และมีปัญหาจราจร ซึ่งหาดใหญ่กำลังจะถึงจุดนี้ ให้เรามองไปที่ จ.เชียงใหม่ จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง เมืองในกลุ่มนี้จะเป็นเมืองที่ประชากรหนาแน่น ที่ดินมีราคาแพง เกิดปัญหารถติด ทำให้มีคอนโดฯ เกิดขึ้นเหมือนกัน
ส่วนหนึ่งผมมองว่ามันเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ คือ ชอบอะไรที่กะทัดรัด สะดวกสบาย และอยู่แบบง่าย คอนโดฯ จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี เพราะหนึ่งคือ การรักษาความปลอดภัย ระบบวงจรปิด สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และในห้องก็มีคนทำความสะอาดให้พร้อม เพราะฉะนั้น คนกลุ่มนี้ซึ่งเช่าหอพัก และอพาร์ตเมนต์ก็หันมาซื้อคอนโดฯ เปลี่ยนจากที่ตัวเองเคยเช่าพอพัก หรืออพาร์ตเมนต์ในราคา 4,000-5,000 บาท ก็หันมาซื้อคอนโดฯ เพราะสามารถผ่อนได้ในอัตรา 4,000 บาท หรือ 5,000 บาทต้นๆ ซึ่งเปลี่ยนจากการเช่า มาเป็นเจ้าของเอง
ณ วันนี้ เช็กยอดล่าสุดได้ 38 อาคาร 17 โครงการ คิดเป็น 4,916 ยูนิต และอาจจะมีเพิ่มขึ้นอีก คอนโดฯ ก็จะเข้ามามากขึ้นเหมือนกับกรุงเทพฯ เดิมเป็นบ้านแนวราบ พอเมืองเริ่มมีประชากรแน่นขึ้น คอนโดฯ ก็มีมากขึ้น งานมหกรรมในกรุงเทพฯ ก็เปลี่ยนเป็นมหกรรมบ้านและคอนโด จากเมื่อก่อนเป็นมหกรรมบ้านเฉยๆ ของเราก็เหมือนกัน ปีแรกก็เป็นมหกรรมบ้าน พอปีที่ 2 ก็เป็นมหกรรมบ้านและคอนโด แล้วปีต่อไปก็คิดว่าคอนโดฯ ก็จะยิ่งมากกว่าบ้าน
ทั้งนี้ เหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประเด็นที่มีผลต่อการขยายตัวของบ้านและคอนโดฯ ใน อ.หาดใหญ่ โดยตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะปี 2553 นั้นคนหลั่งไหลเข้ามาใน อ.หาดใหญ่ เยอะ พอปี 2554 ก็ชะลอลง ตอนนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มั่นใจแล้วว่าจะแก้ไขเหตุการณ์ให้ปกติได้เหมือนเดิม คือเดิมเขายังคิดว่าไม่เป็นไร 3 ปีคงแก้ได้ 5 ปีคงแก้ได้ แต่มันไม่ใช่ ขณะนี้ 8 ปีแล้ว พอ 8 ปีแก้ไม่ได้เขาก็ต้องคิดว่าเรื่องอะไรที่จะให้ลูกหลานมาอยู่แบบเรา ซึ่งอยู่แล้วไม่ปลอดภัย ก็ต้องไปหาบ้านหลังที่ 2 ไว้เพื่อลูก
ขณะนี้ มีคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาซื้อเก็บไว้เยอะ ทั้งบ้าน และคอนโดฯ จึงทำให้กระแสคอนโดฯ ขายดีขึ้น อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ ราคายางพารา และปาล์มที่ขึ้นพุ่งสูงมากในปี 2554 ถือว่าภาคใต้เราเป็นภาคที่เศรษฐกิจดีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบหลาย 10 ปี ซึ่งปี 2554 ดีทุกตัว คือ การท่องเที่ยวดี การส่งออกดี ผลิตภัณฑ์น้ำยางดี ราคายาง ราคาพืชผลเกษตรดี เฟอร์นิเจอร์ส่งออกดี ทุกอย่างดีหมด เพราะฉะนั้น ปี 2554 จึงเป็นปีที่สอดคล้องกับการเติบโตของคอนโดมิเนียม เพราะคนมีเงินเยอะ และเป็นธรรมชาติของคนเมื่อมีเงินเยอะก็ต้องจับจ่ายซื้ออะไรนอกเหนือจากสิ่งจำเป็นในบ้าน และปัจจัยต่อไปก็คือ บ้าน คอนโดฯ รถยนต์ แล้วก็ของใช้อื่นๆ ที่ไม่จำเป็น
และการซื้อขายของคนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้น่าจะประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ของคนในพื้นที่หาดใหญ่ ถือว่าเยอะพอสมควร เพราะอยากที่จะเข้ามาตั้งหลักใน อ.หาดใหญ่ เป็นบ้านหลังที่ 2 และเตรียมไว้ให้บุตรหลานมาอยู่ในอนาคต เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ความไม่สงบจะยุติเมื่อไหร่ และ อ.หาดใหญ่ มีธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งคนที่เข้ามาทำงานก็มามองในเรื่องของศูนย์การค้า หรือธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่เกิดขึ้น ทั้งโฮมโปรที่เปิดตัวไปแล้ว และศูนย์การค้าเซ็นทรัล บนถนนกาญจนวานิชที่กำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ รวมทั้งการขยายตัวของบิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส ก็ทำให้ประชากรหลั่งไหลมาอยู่ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มากขึ้น
นอกจากนั้น การท่องเที่ยวยังดีมาตลอด คนที่ทำงานโรงแรม ทำงานเกี่ยวกับไกด์ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เกี่ยวกับร้านอาหารก็ดี ทุกคนมีรายได้ดี ทำให้มีคนเข้ามาอยู่มาก และต้องการที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องปกติ ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด นอกจากนี้ สภาวะเศรษฐกิจในช่วงปี 2554 ถึงกลางปี 2555 ที่ผ่านมา ทั้งด้านการลงทุน การท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรม เติบโตอย่างมาก รวมทั้งภาคการเกษตร ทั้งราคายางพารา และปาล์มมีราคาสูง ทำให้ประชาชนใน จ.สงขลา และใกล้เคียงมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ตลาดการขายบ้าน และคอนโดมิเนียมบูมมาก ซึ่งไม่มีอะไรที่จะทำลายได้นอกจากความปลอดภัยเรื่องเดียว
หากไม่มีความปลอดภัยไม่ใช่ว่าจะทำลายแค่สภาพเศรษฐกิจ แต่ทำลายไปถึงความเชื่อมั่น ยกตัวอย่างระเบิดที่ลีการ์เดนส์ แต่โชคดีว่าลีการ์เดนส์เกิดระเบิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจหาดใหญ่พีกสุดๆ เลยไม่ตกต่ำมากนักแค่สะดุดลงมานิดเดียว แต่ถ้ามีการระเบิดอีกครั้งก็จะทำลายความเชื่อมั่นหมด ซึ่งเป็นปัจจัยที่น่ากลัวที่สุดเหมือนกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ต้องหนีมา
ผมมองว่านักธุรกิจที่หลั่งไหลมาเขาก็กังวลมากกับเรื่องความปลอดภัย คนที่ทำมาค้าขายก็กังวลกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ ก็เป็นข้าราชการระดับสูง หรือคนที่มีฐานะหน่อยก็ไหลตามมา และคนระดับกลางก็เริ่มหนีออกมาจากตรงนั้นแล้ว ส่วนคนที่เหลืออยู่คือ คนที่จำเป็นต้องอยู่เพราะเป็นลูกจ้าง และต้องหาเลี้ยงชีพอยู่ในพื้นที่นั้น ซึ่งก็พอที่จะมีที่ดินอยู่บ้างเล็กน้อย และหากจะมาสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่คงไม่ง่ายเลย
ธุรกิจประเภทคอนโดฯ มีโอกาสจะขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกมั้ย?
ขยายตัวอย่างแน่นอนครับ เพราะว่าพื้นที่มีราคาแพงขึ้น โอกาสหาซื้อที่ดินทำบ้านในแนวราบมียากขึ้น บ้านชั้นเดียวขณะนี้ราคา 3 ล้านกว่าบาท ซึ่งอยู่แถวบริเวณคลองแหไม่ได้อยู่ในที่ทำเลดีๆ เพราะฉะนั้น เมื่อเราต้องการที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ละแวกถนนปุณณกัณต์ หน้าสวนสาธารณะหาดใหญ่ หรือว่าไปใช้ชีวิตอยู่ในสงขลาก็มีทางเดียวคือต้องให้โอกาสคอนโดฯ ขยายไปถึง ซึ่ง อ.หาดใหญ่ เป็นหัวเมืองภาคใต้ที่กำลังขยายเป็นเมืองใหญ่ที่แออัด เช่นเดียวกับเชียงใหม่ และขอนแก่น ทั้งบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้แน่นอน
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” จึงถือโอกาสสัมภาษณ์นายธนวัฒน์ พูนศิลป์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จ.สงขลา ถึงแนวโน้มการขยายตัวในแนวดิ่งของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ใน อ.หาดใหญ่ ว่าเหตุใดจึงเติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟูถึงขนาดนี้ ?
ปัจจัยหลักที่ทำให้เมืองหาดใหญ่มีการขยายตัวในแนวดิ่ง ผมรวบรวมไว้เป็น 9 ปัจจัยหลัก แต่จะคุยบางประเด็นเพราะมีเยอะมากจริงๆ เดิมหาดใหญ่ซึ่งไม่มีคอนโดฯ เลย เริ่มมีหาดใหญ่ซิตี้ในเครือนภาลัยเมือ 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้น คอนโดฯ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ราคาที่ดินในหาดใหญ่ค่อนข้างสูงถ้าเปรียบเทียบกับ จ.เชียงใหม่ และ จ.ขอนแก่น เพราะฉะนั้น เมื่อราคาที่ดินสูงการพัฒนาแนวราบจะทำได้ยากขึ้น คนก็เลยหันไปทำคอนโดฯ กัน
สาเหตุที่ 2 คือ เหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2553 ทำให้เกิดคอนโดมิเนียมขึ้นในปี 2554 และ 2555 ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะคนกลัวน้ำท่วม และไม่มั่นใจว่าต่อไปจะท่วมอีกไหม ก็เลยคิดว่าการซื้อคอนโดฯ คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า และบังเอิญว่าคอนโดฯ ที่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง คนก็เลยหนีจากการซื้อบ้านมาซื้อคอนโดฯ แทน
ประเด็นที่ 3 คือ เมื่อที่ดินหาดใหญ่มีราคาสูง บ้านระดับราคาไม่ถึงล้าน หรือล้านต้นๆ จะไม่มีขายในตลาด ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คนหันมาเหมาซื้อคอนโดฯ พอมีคอนโดฯ เปิดใหม่ในราคาเริ่มต้นที่ 700,000 กว่าบาท ซึ่งตอนนั้นก็มีบางโครงการเปิดตัวในราคาไม่ถึงล้าน หลังจากนั้น ก็เปิดตัวในราคาระดับล้านต้นๆ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในราคานี้ คนก็เลยหันมาซื้อคอนโดฯ ทดแทน
ส่วนคนที่ต้องการบ้านแนวราบ บ้านเดี่ยว หรือชั้นเดียว ซึ่งไม่มีขายแล้วในราคาล้านต้นๆ แม้แต่ทาวน์เฮาส์ก็ยังไม่มีแล้วในราคานี้ ถ้าจะหาทาวน์เฮาส์ในราคาล้านต้นๆ ก็ต้องไปแถวคลองแห ซึ่งอยู่ไกล และเป็นพื้นที่น้ำท่วม หรือโซนคลองหอยโข่ง โซนสนามบิน ซึ่งตรงนั้นมีมลพิษทางเสียง มีเครื่องบินขึ้นลงบ่อย ทำให้ที่ดินละแวกนั้นมีราคาถูก บ้านที่ขายราคาจึงมีราคาไม่ถึงล้าน หรือล้านต้นๆ ทำให้คนหนีจากจุดนั้นมาซื้อคอนโดฯ กันหมด ซึ่งเหมาะสมกับเมืองใหญ่
ปัจจัยที่คอนโดฯ จะเกิดขึ้นได้เมืองนั้นจะต้องแออัด ที่ดินมีราคาแพง และมีปัญหาจราจร ซึ่งหาดใหญ่กำลังจะถึงจุดนี้ ให้เรามองไปที่ จ.เชียงใหม่ จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง เมืองในกลุ่มนี้จะเป็นเมืองที่ประชากรหนาแน่น ที่ดินมีราคาแพง เกิดปัญหารถติด ทำให้มีคอนโดฯ เกิดขึ้นเหมือนกัน
ส่วนหนึ่งผมมองว่ามันเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ คือ ชอบอะไรที่กะทัดรัด สะดวกสบาย และอยู่แบบง่าย คอนโดฯ จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี เพราะหนึ่งคือ การรักษาความปลอดภัย ระบบวงจรปิด สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และในห้องก็มีคนทำความสะอาดให้พร้อม เพราะฉะนั้น คนกลุ่มนี้ซึ่งเช่าหอพัก และอพาร์ตเมนต์ก็หันมาซื้อคอนโดฯ เปลี่ยนจากที่ตัวเองเคยเช่าพอพัก หรืออพาร์ตเมนต์ในราคา 4,000-5,000 บาท ก็หันมาซื้อคอนโดฯ เพราะสามารถผ่อนได้ในอัตรา 4,000 บาท หรือ 5,000 บาทต้นๆ ซึ่งเปลี่ยนจากการเช่า มาเป็นเจ้าของเอง
ณ วันนี้ เช็กยอดล่าสุดได้ 38 อาคาร 17 โครงการ คิดเป็น 4,916 ยูนิต และอาจจะมีเพิ่มขึ้นอีก คอนโดฯ ก็จะเข้ามามากขึ้นเหมือนกับกรุงเทพฯ เดิมเป็นบ้านแนวราบ พอเมืองเริ่มมีประชากรแน่นขึ้น คอนโดฯ ก็มีมากขึ้น งานมหกรรมในกรุงเทพฯ ก็เปลี่ยนเป็นมหกรรมบ้านและคอนโด จากเมื่อก่อนเป็นมหกรรมบ้านเฉยๆ ของเราก็เหมือนกัน ปีแรกก็เป็นมหกรรมบ้าน พอปีที่ 2 ก็เป็นมหกรรมบ้านและคอนโด แล้วปีต่อไปก็คิดว่าคอนโดฯ ก็จะยิ่งมากกว่าบ้าน
ทั้งนี้ เหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประเด็นที่มีผลต่อการขยายตัวของบ้านและคอนโดฯ ใน อ.หาดใหญ่ โดยตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะปี 2553 นั้นคนหลั่งไหลเข้ามาใน อ.หาดใหญ่ เยอะ พอปี 2554 ก็ชะลอลง ตอนนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มั่นใจแล้วว่าจะแก้ไขเหตุการณ์ให้ปกติได้เหมือนเดิม คือเดิมเขายังคิดว่าไม่เป็นไร 3 ปีคงแก้ได้ 5 ปีคงแก้ได้ แต่มันไม่ใช่ ขณะนี้ 8 ปีแล้ว พอ 8 ปีแก้ไม่ได้เขาก็ต้องคิดว่าเรื่องอะไรที่จะให้ลูกหลานมาอยู่แบบเรา ซึ่งอยู่แล้วไม่ปลอดภัย ก็ต้องไปหาบ้านหลังที่ 2 ไว้เพื่อลูก
ขณะนี้ มีคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาซื้อเก็บไว้เยอะ ทั้งบ้าน และคอนโดฯ จึงทำให้กระแสคอนโดฯ ขายดีขึ้น อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ ราคายางพารา และปาล์มที่ขึ้นพุ่งสูงมากในปี 2554 ถือว่าภาคใต้เราเป็นภาคที่เศรษฐกิจดีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบหลาย 10 ปี ซึ่งปี 2554 ดีทุกตัว คือ การท่องเที่ยวดี การส่งออกดี ผลิตภัณฑ์น้ำยางดี ราคายาง ราคาพืชผลเกษตรดี เฟอร์นิเจอร์ส่งออกดี ทุกอย่างดีหมด เพราะฉะนั้น ปี 2554 จึงเป็นปีที่สอดคล้องกับการเติบโตของคอนโดมิเนียม เพราะคนมีเงินเยอะ และเป็นธรรมชาติของคนเมื่อมีเงินเยอะก็ต้องจับจ่ายซื้ออะไรนอกเหนือจากสิ่งจำเป็นในบ้าน และปัจจัยต่อไปก็คือ บ้าน คอนโดฯ รถยนต์ แล้วก็ของใช้อื่นๆ ที่ไม่จำเป็น
และการซื้อขายของคนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้น่าจะประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ของคนในพื้นที่หาดใหญ่ ถือว่าเยอะพอสมควร เพราะอยากที่จะเข้ามาตั้งหลักใน อ.หาดใหญ่ เป็นบ้านหลังที่ 2 และเตรียมไว้ให้บุตรหลานมาอยู่ในอนาคต เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ความไม่สงบจะยุติเมื่อไหร่ และ อ.หาดใหญ่ มีธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งคนที่เข้ามาทำงานก็มามองในเรื่องของศูนย์การค้า หรือธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่เกิดขึ้น ทั้งโฮมโปรที่เปิดตัวไปแล้ว และศูนย์การค้าเซ็นทรัล บนถนนกาญจนวานิชที่กำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ รวมทั้งการขยายตัวของบิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส ก็ทำให้ประชากรหลั่งไหลมาอยู่ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มากขึ้น
นอกจากนั้น การท่องเที่ยวยังดีมาตลอด คนที่ทำงานโรงแรม ทำงานเกี่ยวกับไกด์ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เกี่ยวกับร้านอาหารก็ดี ทุกคนมีรายได้ดี ทำให้มีคนเข้ามาอยู่มาก และต้องการที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องปกติ ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด นอกจากนี้ สภาวะเศรษฐกิจในช่วงปี 2554 ถึงกลางปี 2555 ที่ผ่านมา ทั้งด้านการลงทุน การท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรม เติบโตอย่างมาก รวมทั้งภาคการเกษตร ทั้งราคายางพารา และปาล์มมีราคาสูง ทำให้ประชาชนใน จ.สงขลา และใกล้เคียงมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ตลาดการขายบ้าน และคอนโดมิเนียมบูมมาก ซึ่งไม่มีอะไรที่จะทำลายได้นอกจากความปลอดภัยเรื่องเดียว
หากไม่มีความปลอดภัยไม่ใช่ว่าจะทำลายแค่สภาพเศรษฐกิจ แต่ทำลายไปถึงความเชื่อมั่น ยกตัวอย่างระเบิดที่ลีการ์เดนส์ แต่โชคดีว่าลีการ์เดนส์เกิดระเบิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจหาดใหญ่พีกสุดๆ เลยไม่ตกต่ำมากนักแค่สะดุดลงมานิดเดียว แต่ถ้ามีการระเบิดอีกครั้งก็จะทำลายความเชื่อมั่นหมด ซึ่งเป็นปัจจัยที่น่ากลัวที่สุดเหมือนกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ต้องหนีมา
ผมมองว่านักธุรกิจที่หลั่งไหลมาเขาก็กังวลมากกับเรื่องความปลอดภัย คนที่ทำมาค้าขายก็กังวลกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ ก็เป็นข้าราชการระดับสูง หรือคนที่มีฐานะหน่อยก็ไหลตามมา และคนระดับกลางก็เริ่มหนีออกมาจากตรงนั้นแล้ว ส่วนคนที่เหลืออยู่คือ คนที่จำเป็นต้องอยู่เพราะเป็นลูกจ้าง และต้องหาเลี้ยงชีพอยู่ในพื้นที่นั้น ซึ่งก็พอที่จะมีที่ดินอยู่บ้างเล็กน้อย และหากจะมาสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่คงไม่ง่ายเลย
ธุรกิจประเภทคอนโดฯ มีโอกาสจะขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกมั้ย?
ขยายตัวอย่างแน่นอนครับ เพราะว่าพื้นที่มีราคาแพงขึ้น โอกาสหาซื้อที่ดินทำบ้านในแนวราบมียากขึ้น บ้านชั้นเดียวขณะนี้ราคา 3 ล้านกว่าบาท ซึ่งอยู่แถวบริเวณคลองแหไม่ได้อยู่ในที่ทำเลดีๆ เพราะฉะนั้น เมื่อเราต้องการที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ละแวกถนนปุณณกัณต์ หน้าสวนสาธารณะหาดใหญ่ หรือว่าไปใช้ชีวิตอยู่ในสงขลาก็มีทางเดียวคือต้องให้โอกาสคอนโดฯ ขยายไปถึง ซึ่ง อ.หาดใหญ่ เป็นหัวเมืองภาคใต้ที่กำลังขยายเป็นเมืองใหญ่ที่แออัด เช่นเดียวกับเชียงใหม่ และขอนแก่น ทั้งบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้แน่นอน
