อธิบดีดีเอสไอลงพื้นที่พังงาตรวจสอบโรงพักท้ายเหมือง พบมีเพียงเสาต้นเดียวเท่านั้น

พังงา - อธิบดีดีเอสไอตรวจสอบการก่อสร้างโรงพักทดแทน สภ.ท้ายเหมือง พบตอกเสาเข็มไว้ 1 ต้นเท่านั้น ตั้งแต่เริ่มโครงการมา 2 ปี

เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (1 ก.พ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร พล.ต.ต.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างโรงพักทดแทน สภ.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา หลังตรวจสอบพบเสาเข็มตอกทิ้งไว้เพียงต้นเดียว และผู้รับเหมาทิ้งงาน

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า วันนี้ได้ลงมาดูพื้นที่จริงของการก่อสร้างโรงพักทดแทน สภ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวน 396 แห่งทั่วประเทศที่มีปัญหา เพราะการก่อสร้างแทบจะยังไม่ได้เริ่มต้นเลย ที่ปรากฏก็มีเพียงเสาเข็มเพียงต้นเดียว ถือเป็นความเดือดร้อน และความเสียหาย โดยทุกแห่งทั่วประเทศไม่มีแห่งใดสร้างเสร็จเลย และผู้รับเหมาก็ทิ้งงานไปแล้ว แต่เดิมมีการกระจายการประมูลทั่วทุกภาคของตำรวจ แต่แล้วก็มีการยกเลิกให้มีการประมูลโดยผู้ชนะการประมูลมีเพียงรายเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผู้รับเหมาจะสร้างโรงพักทดแทนทั้ง 396 แห่งแล้วเสร็จตามสัญญา และไม่สามารถให้ผู้รับเหมาอื่นรับช่วงต่อได้เพราะติดสัญญาห้ามไว้ โดยเรื่องนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องพึงรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าการดำเนินการเช่นนี้จะมีปัญหาภายหลัง ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษเองก็ถือว่ามีหน้าที่ที่จะต้องค้นหาความจริงต่อไป ส่วนหนึ่งของการมาดูพื้นที่จริงก็เพื่อให้เห็นสภาพจริงว่าเป็นอย่างไร

ขณะนี้ การสอบสวนก็เดินหน้าไปมากพอสมควร โดยในส่วนของตำรวจคงจะต้องดูแลการบอกเลิกสัญญา หรือการหาผู้รับเหมารายใหม่ ในส่วนของดีเอสไอไม่เกี่ยวกับเรื่องการบริหารสัญญาแต่จะดูเฉพาะเกี่ยวกับทางผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอเท่านั้น

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ กล่าวว่า จังหวัดพังงาจะหนักกว่าที่อื่นตั้งแต่ทำโครงการมาร่วม 2 ปี วันนี้ได้เสาเพียงต้นเดียว โดยสภาพโรงพักปัจจุบันมีอายุมากกว่า 20 ปี และมีสภาพทรุดโทรม หรือขยายโรงพักไม่ได้ โดยจังหวัดพังงาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับต้นของประเทศ และระดับต้นของโลก วันนี้ตำรวจเองต้องมีสถานที่ทำงาน ประชาชนรวมทั้งนักท่องเที่ยวต้องมีการบริการที่ดี ถ้าเป็นอย่างนี้จะบริการนักท่องเที่ยวและประชาชนอย่างไร ตำรวจต้องเร่งพิจารณาเรื่องนี้ว่าจะต้องมีการยกเลิกสัญญาหรือไม่ หาผู้รับเหมามาดำเนินการต่อไปหรือไม่ ส่วนตนเองมีหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบว่าการดำเนินการในการรวบโครงการในการประมูลรายเดียวน่าจะมีการทุจริตหรือไม่ และมีใครอยู่ในเบื้องหลัง และจะสาวถึงคนที่ทำผิดต่อไป