ตรัง - หลายหน่วยงานยื่นมือช่วยเหลือโรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยที่สุดของจังหวัดตรัง ขณะที่เด็กๆ ทั้งหมดยืนยันจะขอเรียนต่อที่เดิมจนจบ โดยไม่ขอย้ายไปอยู่ยังที่อื่น
วันนี้ (29 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีบุคคลจากหน่วยงานต่างๆ เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านโคกมะม่วง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 11 ต.นาท่ามเหนือ อ.เมือง จ.ตรัง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาการประถมศึกษา (สพป.) ตรัง เขต 1 โดยเป็นโรงเรียนที่มีจำนวนครูและนักเรียนน้อยที่สุดของจังหวัด คือ มีเด็กในชั้น ป.2-ป.5 เพียง 11 คน แต่ไม่มีนักเรียนในชั้น ป.1 กับ ป.6 และมีครูแค่ 2 คน ทั้งนี้ ได้มีการเข้าพบนายสมพร บุญส่งนาค อายุ 55 ปี รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อสอบถามข้อมูลและหาทางช่วยเหลือ
ด้านนางละมัน จันทร์ฝาก นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นาท่ามเหนือ กล่าวว่า ทาง อบต.อยากให้ยุบโรงเรียนบ้านโคกมะม่วงไปรวมกับโรงเรียนอื่นเพื่อจะได้มีการพัฒนาการเรียนให้มีคุณภาพมากกว่านี้ รวมทั้งนักเรียนจะได้อยู่กับเพื่อนๆ กลุ่มใหญ่ด้วยความสนุกสนาน แต่เมื่อสอบถามทั้งตัวเด็กและผู้ปกครองแล้วต่างก็ยังต้องการที่จะขออยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ต่อไป เนื่องจากมีความผูกพันกันมาอย่างยาวนาน บางครอบครัวเรียนกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน จึงไม่อยากให้ถูกยุบไปเหมือนกับโรงเรียนบางแห่ง
ขณะที่ อบต.นาท่ามเหนือ ก็ต้องรับผิดชอบโรงเรียนอยู่แล้ว 1 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านเกาะปราง ตั้งอยู่หมู่ที่ 13 ซึ่งมีนักเรียนอยู่ประมาณ 80 คน และเป็นโรงเรียนเดียวในจังหวัดตรังที่อยู่ในความผิดชอบของ อบต. ฉะนั้นจึงไม่อาจรับโรงเรียนบ้านโคกม่วงมาเพิ่มได้อีก แต่ที่ผ่านมาก็ได้พยายามหาทางช่วยเหลือ เช่น จัดสรรทุนการศึกษามามอบให้กับเด็กที่เรียนดี หรือนำเด็กกลุ่มนี้ไปร่วมกิจกรรมกับทาง อบต. รวมทั้งกำลังหาทางที่จะจัดสรรอาหารกลางวันมาช่วยเหลือเพื่อเด็กๆ จะได้กินอิ่มมากยิ่งขึ้น
ส่วนนายวินัย ทองรัตน์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาการประถมศึกษา (สพป.) ตรัง เขต 1 กล่าวว่า โดยปกติโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนต่ำกว่า 40 คน กระทรวงศึกษาธิการได้ให้นโยบายไว้ 2 ข้อ คือ 1. ทำการยุบรวมโดยให้เด็ก ป.1-3 เรียนที่เดิม แต่ให้นำเด็ก ป.4-6 ไปเรียนที่โรงเรียนใกล้เคียง โดยจัดรถรับส่งให้หรือทำการยุบโรงเรียน แล้วนำเด็กทั้งหมดไปเรียนที่โรงเรียนใกล้เคียง โดยจัดรถรับส่งให้หรือช่วยเหลือค่าพาหนะแก่ผู้ปกครอง แต่กรณีของการยุบโรงเรียนนั้น ต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา ชุมชน และทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้หารือกับรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกมะม่วงแล้ว พบว่า ในปีการศึกษา 2556 ยังไม่มีเด็กรายใดจะเข้าเรียนต่อชั้น ป.1 จึงมีแนวโน้มสูงที่จะทำให้โรงเรียนแห่งนี้ต้องถูกยุบ แต่จะเกิดขึ้นได้หลังจากพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้ว โดยที่ทุกฝ่ายจะต้องเข้าใจในเหตุผล เพื่อให้เด็กทั้ง 11 คนมีโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่านี้ นอกจากนั้น ในปีการศึกษาใหม่ก็ยังมีแผนจะยุบรวมโรงเรียนใน สพป.ตรัง เขต 1 จำนวน 6 แห่ง เนื่องจากมีจำนวนนักเรียนค่อนข้างน้อย เพื่อรักษาสภาพโรงเรียนเดิมให้คงอยู่ต่อไป
เด็กหญิงนวินดา สมาธิ หรือน้องเพลง นักเรียนชั้น ป.5 ในฐานะประธานนักเรียนโรงเรียนบ้านโคกมะม่วง กล่าวว่า ตนได้ถามเพื่อนๆ และน้องๆ ทั้ง 11 คนแล้ว ทุกคนไม่อยากให้ยุบโรงเรียน และขอเรียนที่นี่ต่อไปจนจบ แม้การเรียน การกินอาหาร หรือการเล่น จะมีเพียงไม่กี่คน แต่พวกตนกลับรู้สึกว่ามีความสุขมากกว่าอยู่ในโรงเรียนใหญ่ๆ ที่มีเด็กหลายคนเสียอีก และรู้สึกพอใจ แม้จะเล่าเรียนหรือกินอยู่ลำบากไปบ้าง ซึ่งถ้าเป็นไปได้ตนอยากให้มีภารโรงมาเพิ่มสัก 1 คน เพื่อจะได้ช่วยพัฒนาโรงเรียนให้มากกว่านี้
ขณะที่เด็กชายชวรัตน์ ลั่นสิน หรือน้องปอนด์ นักเรียนชั้น ป.3 กล่าวว่า พวกตนสงสารครูทั้ง 2 คน ที่ทั้งเหนื่อยและเสียสละเป็นอย่างมาก เพราะต้องมาสอนทุกวันและไม่เคยขาดเลยแม้แต่วันเดียว แถมยังต้องควักเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายให้สารพัด ขณะที่พวกตนบางวันก็ไม่ได้มาเพราะต้องไปช่วยพ่อแม่ทำงาน หรือบางวันกว่าจะมาถึงโรงเรียนก็ 9-10 โมงแล้ว แต่ครูบอกว่าให้มาทุกวันจะเวลาไหนก็ได้ ถ้าไม่จำเป็นอย่าขาดเรียนเพราะจะเสียโอกาส และตนก็ไม่เคยรู้สึกน้อยใจ เมื่อเห็นเพื่อนไปเรียนที่โรงเรียนอื่นซึ่งมีเด็กมากกว่า
สำหรับผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนบ้านโคกมะม่วงนั้น จากการสอบถามของผู้สื่อข่าวในเบื้องต้นทราบว่า ยังอยากที่จะให้โรงเรียนแห่งนี้ยังคงอยู่ต่อไป แต่หากท้ายสุดแล้วหากมีความจำเป็นต้องยุบไปจริงก็อยากให้มีการช่วยเหลือในเรื่องของการเดินทางหรือค่าใช้จ่ายอื่นบ้าง อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการใดๆ ทางกลุ่มผู้ปกครองก็ขอให้มีการประชุมหารือในเรื่องนี้ระหว่างส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนอีกครั้ง เพื่อจะได้เป็นข้อมูลที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่รอบคอบมากที่สุด
