ชุมพร - ตร.ปส.4 ชุมพร รวบแก๊งค้ายาบ้าลักลอบขนจากฝั่งประเทศลาว ยึดของกลางกว่า 2 หมื่นเม็ด พร้อมยาแก้ไออีก 50 ขวด นำไปขายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (23 ม.ค.) พ.ต.ท.วัชรินทร์ ป้านสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปส.4 ชุมพร สนธิกำลังตำรวจ ตชด.414 ตำรวจ สภ.สลุย และตำรวจ สภ.ท่าแซะ ตั้งจุดตรวจกวาดล้างยาเสพติด บนถนนเพชรเกษม กม.466 หมู่ 2 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กระทั่งมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีเขียว ทะเบียน วง 5126 กรุงเทพมหานคร ได้ขับผ่านมาถึงด่านตรวจจึงขอตรวจสอบ ทราบคนขับชื่อ นายมานะ หรือแบมะ หรืออาแบ ดาโอ๊ะ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/34 ถ.ทรายทอง 5 ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ภายในรถมี นางอ้อย ประทุมวัน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/94 ถ.บางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ และเบาะหลังมี นายไฮรูซามัน หะยีขาเดย์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/5 ซ.3 ถ.ชลธารเขต ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นั่งคู่มากับ นางเวียงวิไล หรือกุ้ง อายุ 30 ปี เป็นสาวชาวลาว ทั้งหมดมีท่าพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าว
จากการตรวจค้นบริเวณกระโปรงท้ายรถ พบยาแก้ไอยี่ห้อบีเฟนดีน จำนวน 50 ขวด อยู่ภายในกระเป๋าเดินทางสีดำ นอกจากนี้ ยังพบแกลลอนน้ำมัน ขนาด 10 ลิตร ซุกอยู่ในที่เก็บยางอะไหล่ ภายในแกลลอนพบยาบ้า จำนวน 13 มัดๆ ละ 2,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมด 26,000 เม็ด และมีเฮโรอินอีกจำนวน 1.72 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระป๋องแป้งฝุ่น นอกจากนั้น ตำรวจหญิงได้ตรวจค้นเจอยาบ้า จำนวน 50 เม็ด ถูกยัดซ่อนอยู่ในยกทรง และในกระเป๋าถือของนางอ้อย ประทุมวัน อีก 520 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้งหมดไปบันทึกการจับกุม และสอบสวนขยายผลที่ บก.ปส.4 ชุมพร
จากการสอบสวน นายมานะ หรือแบมะ หรืออาแบ ดาโอ๊ะ อายุ 46 ปี คนขับรถเก๋งคันดังกล่าว ให้การว่า ตนเองพร้อมพวกทั้งหมดรวม 4 คน ได้ขนเงินสดจำนวน 1,260,000 บาท เดินทางจากจังหวัดนราธิวาส ไปยังจังหวัดหนองคาย เพื่อไปซื้อยาบ้าจำนวนดังกล่าวจากพ่อค้าที่อยู่ทางฝั่งประเทศลาว ซึ่งได้จะนำขึ้นเรือหางยาวข้ามแม่น้ำโขงมาส่งให้ยังฝั่งไทย บริเวณใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว และตนเองพร้อมพวกได้ลักลอบขนยาบ้าทั้งหมดไปขายยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้ทำมานานแล้ว โดยทุกครั้งที่ผ่านมา การซื้อขายยาเสพติดจะต้องขนเงินสดๆ ไปซื้อขายกับพ่อค้ายาบ้าจากฝั่งลาวเท่านั้น เนื่องจากหากตำรวจติดตามจับกุมตนได้ก็จะไม่สามารถอายัดเงินจากการซื้อขายยาเสพติดจากธนาคารนั้นๆ ได้
นอกจากนี้ นายมานะยังให้การอีกว่า ยาบ้าจากฝั่งประเทศลาวหาซื้อมาเสพ และหาซื้อมาขายได้ง่าย โดยเฉพาะตามแนวตรงข้ามจังหวัดหนองคาย ยังรอทะลักมายังฝั่งไทยอีกจำนวนมาก หากมีคนในพื้นที่เป็นคนติดต่อ ซึ่งตนได้ให้นางเวียงวิไลผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมซึ่งเป็นคนลาวมาร่วมแก๊ง และเป็นคนประสานกับพ่อค้าฝั่งลาวทุกครั้งในการซื้อขาย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาแผนปัจจุบันซึ่งเป็นยาอันตราย (ยาแก้ไอ) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่นายมานะ ให้ข้อหานำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (23 ม.ค.) พ.ต.ท.วัชรินทร์ ป้านสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปส.4 ชุมพร สนธิกำลังตำรวจ ตชด.414 ตำรวจ สภ.สลุย และตำรวจ สภ.ท่าแซะ ตั้งจุดตรวจกวาดล้างยาเสพติด บนถนนเพชรเกษม กม.466 หมู่ 2 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กระทั่งมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีเขียว ทะเบียน วง 5126 กรุงเทพมหานคร ได้ขับผ่านมาถึงด่านตรวจจึงขอตรวจสอบ ทราบคนขับชื่อ นายมานะ หรือแบมะ หรืออาแบ ดาโอ๊ะ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/34 ถ.ทรายทอง 5 ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ภายในรถมี นางอ้อย ประทุมวัน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/94 ถ.บางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ และเบาะหลังมี นายไฮรูซามัน หะยีขาเดย์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/5 ซ.3 ถ.ชลธารเขต ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นั่งคู่มากับ นางเวียงวิไล หรือกุ้ง อายุ 30 ปี เป็นสาวชาวลาว ทั้งหมดมีท่าพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าว
จากการตรวจค้นบริเวณกระโปรงท้ายรถ พบยาแก้ไอยี่ห้อบีเฟนดีน จำนวน 50 ขวด อยู่ภายในกระเป๋าเดินทางสีดำ นอกจากนี้ ยังพบแกลลอนน้ำมัน ขนาด 10 ลิตร ซุกอยู่ในที่เก็บยางอะไหล่ ภายในแกลลอนพบยาบ้า จำนวน 13 มัดๆ ละ 2,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมด 26,000 เม็ด และมีเฮโรอินอีกจำนวน 1.72 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระป๋องแป้งฝุ่น นอกจากนั้น ตำรวจหญิงได้ตรวจค้นเจอยาบ้า จำนวน 50 เม็ด ถูกยัดซ่อนอยู่ในยกทรง และในกระเป๋าถือของนางอ้อย ประทุมวัน อีก 520 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้งหมดไปบันทึกการจับกุม และสอบสวนขยายผลที่ บก.ปส.4 ชุมพร
จากการสอบสวน นายมานะ หรือแบมะ หรืออาแบ ดาโอ๊ะ อายุ 46 ปี คนขับรถเก๋งคันดังกล่าว ให้การว่า ตนเองพร้อมพวกทั้งหมดรวม 4 คน ได้ขนเงินสดจำนวน 1,260,000 บาท เดินทางจากจังหวัดนราธิวาส ไปยังจังหวัดหนองคาย เพื่อไปซื้อยาบ้าจำนวนดังกล่าวจากพ่อค้าที่อยู่ทางฝั่งประเทศลาว ซึ่งได้จะนำขึ้นเรือหางยาวข้ามแม่น้ำโขงมาส่งให้ยังฝั่งไทย บริเวณใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว และตนเองพร้อมพวกได้ลักลอบขนยาบ้าทั้งหมดไปขายยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้ทำมานานแล้ว โดยทุกครั้งที่ผ่านมา การซื้อขายยาเสพติดจะต้องขนเงินสดๆ ไปซื้อขายกับพ่อค้ายาบ้าจากฝั่งลาวเท่านั้น เนื่องจากหากตำรวจติดตามจับกุมตนได้ก็จะไม่สามารถอายัดเงินจากการซื้อขายยาเสพติดจากธนาคารนั้นๆ ได้
นอกจากนี้ นายมานะยังให้การอีกว่า ยาบ้าจากฝั่งประเทศลาวหาซื้อมาเสพ และหาซื้อมาขายได้ง่าย โดยเฉพาะตามแนวตรงข้ามจังหวัดหนองคาย ยังรอทะลักมายังฝั่งไทยอีกจำนวนมาก หากมีคนในพื้นที่เป็นคนติดต่อ ซึ่งตนได้ให้นางเวียงวิไลผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมซึ่งเป็นคนลาวมาร่วมแก๊ง และเป็นคนประสานกับพ่อค้าฝั่งลาวทุกครั้งในการซื้อขาย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาแผนปัจจุบันซึ่งเป็นยาอันตราย (ยาแก้ไอ) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่นายมานะ ให้ข้อหานำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป