ศรีสะเกษ - ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธร จ.ศรีสะเกษ ล่อซื้อ บุกรวบสาวใหญ่แม่ลูกอ่อนอุ้มลูกวัย 3 เดือน ขายยาบ้า อ้างหาเงินซื้อนมเลี้ยงลูก เหตุไม่มีงานทำ ตร.เร่งขยายผล
วันนี้ ( 16 ต.ค. ) เมื่อเวลา 10.45 น. ร.ต.ท.สุทธิพงษ์ ห่มเมือง รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย ร.ต.ท.ปัญญา โพธิ์ขำ รองสารวัตรสภ.โพนเขวา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจ จากกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.ศรีสะเกษ ตำรวจชุดสืบสวนสภ.โพนเขวา และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการด้านการข่าว จากศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจ.ศรีสะเกษ บุกเข้าทำการจับกุมตัว นางละออง หรือ เตี้ย พรหมสิทธิ์ อายุ 39 ปี ขณะกำลังป้อนนมลูกน้อย ซึ่งมีอายุเพียง 3 เดือนเศษ ที่บริเวณศาลาหลังบ้านเลขที่ 108 หมู่ 4 ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีจำหน่ายยาบ้า
หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวสืบทราบว่า นางละออง มีพฤติกรรมแอบลักลอบขายยาบ้าให้กับวัยรุ่นในเขตพื้นที่ ต.หนองแก้ว มานานแล้วซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมเครือข่ายซึ่งเป็นลูกค้าของนางละอองได้ จากนั้นจึงได้ทำการขยายผล โดยติดต่อขอซื้อยาบ้าจากนางละอองจำนวน 1 เม็ด ในราคา 300 บาท เมื่อมีการซื้อขายยาบ้ากันสำเร็จเจ้าหน้าที่จึงได้บุกเข้าทำการจับกุมนางละออง พร้อมของกลาง เงินสดจำนวน 300 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว โดยตำรวจหญิงได้ตรวจค้นเงินดังกล่าวได้ภายในตัวของนางละออง พร้อมตรวจยึดเงินสดอีก จำนวน 4,300 บาท ที่พบอยู่ในกระเป๋าของนางละออง ไว้ทำการตรวจสอบ
จากการสอบสวนเบื้องต้น นางละออง ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้จำหน่ายยาบ้าจริง โดยซื้อยาบ้ามาจากเอเยนต์ขายยาบ้ารายหนึ่ง ซึ่งอยู่ต่างหมู่บ้านทุกวันๆ ละ 10 เม็ด ในราคา 2,500 บาท จากนั้นจะนำมาขายต่อในราคาเม็ดละ 300 บาท ซึ่งได้กำไรจากการขายยาบ้าจำนวน 10 เม็ด เพียง 500 บาทเท่านั้น และยาบ้าเม็ดนี้ที่ถูกจับกุมเป็นเม็ดสุดท้ายของวันนี้ ทั้งนี้เพื่อนำเงินกำไรที่ได้จากการขายยาบ้ามาซื้อนมเลี้ยงลูกที่เพิ่งคลอดได้เพียง 3 เดือน เนื่องจากไม่ได้ทำงาน
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลการจับกุม โดยการโทรศัพท์ติดต่อกับเอเยนต์ขายยาบ้ารายดังกล่าว แต่เกิดไหวตัวทันจึงได้ปิดโทรศัพท์หนีไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้มีการติดตามจับกุมกันต่อไป
ร.ต.ท.สุทธิพงษ์ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับนางละออง ในข้อหา จำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย จากนั้นได้นำตัวนางละออง พร้อมของกลาง ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโพนเขวา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ ( 16 ต.ค. ) เมื่อเวลา 10.45 น. ร.ต.ท.สุทธิพงษ์ ห่มเมือง รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย ร.ต.ท.ปัญญา โพธิ์ขำ รองสารวัตรสภ.โพนเขวา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจ จากกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.ศรีสะเกษ ตำรวจชุดสืบสวนสภ.โพนเขวา และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการด้านการข่าว จากศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจ.ศรีสะเกษ บุกเข้าทำการจับกุมตัว นางละออง หรือ เตี้ย พรหมสิทธิ์ อายุ 39 ปี ขณะกำลังป้อนนมลูกน้อย ซึ่งมีอายุเพียง 3 เดือนเศษ ที่บริเวณศาลาหลังบ้านเลขที่ 108 หมู่ 4 ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีจำหน่ายยาบ้า
หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวสืบทราบว่า นางละออง มีพฤติกรรมแอบลักลอบขายยาบ้าให้กับวัยรุ่นในเขตพื้นที่ ต.หนองแก้ว มานานแล้วซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมเครือข่ายซึ่งเป็นลูกค้าของนางละอองได้ จากนั้นจึงได้ทำการขยายผล โดยติดต่อขอซื้อยาบ้าจากนางละอองจำนวน 1 เม็ด ในราคา 300 บาท เมื่อมีการซื้อขายยาบ้ากันสำเร็จเจ้าหน้าที่จึงได้บุกเข้าทำการจับกุมนางละออง พร้อมของกลาง เงินสดจำนวน 300 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว โดยตำรวจหญิงได้ตรวจค้นเงินดังกล่าวได้ภายในตัวของนางละออง พร้อมตรวจยึดเงินสดอีก จำนวน 4,300 บาท ที่พบอยู่ในกระเป๋าของนางละออง ไว้ทำการตรวจสอบ
จากการสอบสวนเบื้องต้น นางละออง ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้จำหน่ายยาบ้าจริง โดยซื้อยาบ้ามาจากเอเยนต์ขายยาบ้ารายหนึ่ง ซึ่งอยู่ต่างหมู่บ้านทุกวันๆ ละ 10 เม็ด ในราคา 2,500 บาท จากนั้นจะนำมาขายต่อในราคาเม็ดละ 300 บาท ซึ่งได้กำไรจากการขายยาบ้าจำนวน 10 เม็ด เพียง 500 บาทเท่านั้น และยาบ้าเม็ดนี้ที่ถูกจับกุมเป็นเม็ดสุดท้ายของวันนี้ ทั้งนี้เพื่อนำเงินกำไรที่ได้จากการขายยาบ้ามาซื้อนมเลี้ยงลูกที่เพิ่งคลอดได้เพียง 3 เดือน เนื่องจากไม่ได้ทำงาน
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลการจับกุม โดยการโทรศัพท์ติดต่อกับเอเยนต์ขายยาบ้ารายดังกล่าว แต่เกิดไหวตัวทันจึงได้ปิดโทรศัพท์หนีไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้มีการติดตามจับกุมกันต่อไป
ร.ต.ท.สุทธิพงษ์ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับนางละออง ในข้อหา จำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย จากนั้นได้นำตัวนางละออง พร้อมของกลาง ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโพนเขวา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป