xs
xsm
sm
md
lg

5 ชั่วโมงสำราญของ “ขี้ข้าทักษิณ” ในถิ่นสีกากี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
ตรงเป้า
ศรรามา

อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปทุมวัน ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า เป็นที่ทำงานของบิ๊กสีกากีระดับหัวแถว ตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ปรึกษา สบ10 และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยชั้นที่ 20 เป็นศูนย์ปฏิบัติการเป็นวอร์รูมเป็นที่รวมของข้อมูล และสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติใช้สั่งการไปยังหน่วยต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเวลา 12.30 น.วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน 2555 หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเป็นประธานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปปรากฏกายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อฉลองห้องทำงานใหม่ของตน ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เป็นห้องทำงานเดิมของ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังจากเกษียณแล้วได้ผันตัวเองไปรับใช้ ร.ต.อ.เฉลิม ในตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำให้ห้องนี้ซึ่งอยู่บนชั้น 1 ฝั่งขวาของอาคาร 1 ว่างลง และ ร.ต.อ.เฉลิม ประสงค์จะใช้เป็นที่ทำงานอีกแห่งนอกเหนือจากตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ สังคมเข้าใจว่า ร.ต.อ.เฉลิม ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงดูแลแก้ปัญหาสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์เป็นตุเป็นตะจะตั้งวอร์รูมในสวนรื่นฤดี สร้างแบบเพนตากอนของสหรัฐอเมริกาสามารถสั่งการไปยังผู้ปฏิบัติในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว สามารถรับทราบสถานการณ์ต่างๆ ในชั่วกะพริบตา โดยที่ตัวเองไม่ต้องเดินทางไปภาคใต้ เพราะการไปแต่ละครั้งเจ้าหน้าที่นับร้อย ต้องเสียเวลาในการมาต้อนรับดูแลความปลอดภัย แต่สุดท้าย ร.ต.อ.เฉลิม คนนี้แหละก็ปฏิเสธว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้แต่งตั้งให้ตัวเองรับหน้าที่ด้านความมั่นคง

แม้กระทั่งการตอบกระทู้สดในสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ตั้งกระทู้กล่าวถึงเรื่องเพนตากอนในสวนรื่นฤดี ร.ต.อ.เฉลิม ก็ตอบแบบเลี่ยงลงคูลงคลอง ว่า ก็อยู่บนชั้น 20 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปโน่น กระบวนการพลิกลิ้นพลิกแพลงไม่มีใครเกินเขา

ร.ต.อ.เฉลิม ไปถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 4 ที่หน้าอาคาร 1 และสักการะศาลพระภูมิเสร็จแล้วแวะทักทายสื่อมวลชนประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งไม่มี น.ส.สมจิตต์ เครือนวสุนทร นักข่าวโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งเป็นคู่วิวาทะรวมอยู่ด้วย บอกกับกลุ่มสื่อตำรวจว่าตัวเองมาที่นี่หลายครั้ง แต่ไม่เคยได้กราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วันนี้วันอังคารตรงกับวันเกิดของตน จึงมาขอพรให้บ้านเมืองพบแต่ความสงบสุข

แม้ในกลุ่มสื่อสายตำรวจ จะไม่มี น.ส.สมจิตต์ ซึ่งเป็นสื่อสายทำเนียบรัฐบาล แต่ก็คงมีคนคิดในใจว่าถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบสุข รองนายกรัฐมนตรีนั่นแหละต้องสงบปากตัวเองบ้าง ใช้เวลาไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมง ร.ต.อ.เฉลิม ก็เสร็จสิ้นพิธีกรรมเข้าสู่พิธีฉลองห้องทำงานใหม่เดินส่ายอาดๆ ทำท่าทะมัดทะแมงให้สมกับเคยเป็นสิบโทสารวัตรทหารบกเพื่อเข้าอาคาร 1

แม่เจ้าโว้ย สองสาวผมยาววัยรุ่นนุ่งกระโปรงสั้นสูงเลยหัวเข่ากว่าหนึ่งคืบสวมเสื้อแขนกุดเผยให้เห็นช่วงแขนเรียวงาม ยืนต้อนรับอยู่ทางเข้าอาคาร ผายมือพองามแล้วเอื้อนเอ่ย “เชิญค่ะท่าน”

นี่มันอะไรกันสถานที่แห่งนั้นเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือว่าเป็นโรงแรม หรือเป็นภัตตาคาร เพราะสองสาวนั่นไม่น่าจะใช่ตำรวจ และไม่ใช่พนักงานต้อนรับที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดมาต้อนรับรองนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะ

สองสาวหายเข้าไปในห้องนั้น พร้อมกับ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งในห้องจะมีใครอยู่บ้างไม่มีใครทราบนอกจากตำรวจที่คอยรับใช้อำนวยความสะดวกให้ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในบริเวณนั้น แต่ที่แน่นอนต้องมีอดีตเจ้าของห้อง “สิงห์ตาปรือ” พล.ต.อ.ภาณุพงษ์ อยู่ด้วยแน่นอน เพราะเป็น “คอไวน์” ด้วยกัน และ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ตามเข้าไป

เมื่อเอ่ยถึงคอไวน์ก็ต้องกล่าวถึงทักษิณ ชินวัตร” ไม่ว่าเขาจะอยู่ดูไบ หรือสิงคโปร์ หรือฮ่องกง หรือที่ใดก็ตาม ถ้า ร.ต.อ.เฉลิม บินไปพบทักษิณจะมีความสุขและสนุกสนาน มากกว่าคนอื่นที่ไปพบ

เพราะทักษิณ กับ ร.ต.อ.เฉลิม จะดื่มด่ำกับไวน์เลิศรสขวดละหลายหมื่นบาท ดื่มดวดแล้วก็อวดโอ้ตามระดับแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดแหกปากร้องเพลงลั่นผลัดกันกระทบแก้ว น่าจะมีเพลงโปรด Let It Be “ช่างแม่มัน” รวมอยู่ด้วย

เมื่อถึงขีดสุด ทั้งสองจะคล้องแขนแล้วเดินตบเท้าแบบสวนสนามรำลึกถึงความหลังที่คนหนึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจและปัจจุบันเป็นนักโทษหนีคุก ส่วนอีกคนเป็นอดีตนักเรียนนายสิบทหารบก เป็นนักเรียนนายร้อยอบรมหลักสูตรจ่าสิบตำรวจเป็นร้อยตำรวจตรี ปัจจุบันเป็นรองนายกรัฐมนตรีประเทศไทย

และยังมีความสัมพันธ์แนบแน่นในช่วงชีวิตที่ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นรัฐมนตรี และทักษิณ เป็นนักธุรกิจที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ทักษิณเป็นคนที่ไม่ลืมบุญคุณคน และจะตอบแทนบุญคุณแก่ผู้ที่ช่วยเหลือตนตามโอกาสอันควร

ทักษิณ กับ ร.ต.อ.เฉลิม ก็เช่นกัน ร.ต.อ.เฉลิม จึงกล้าประกาศตัวเองให้สังคมรับรู้ว่า “ผมเป็นขี้ข้าทักษิณและเป็นมานานแล้วด้วย”

17.30 น.ร.ต.อ.เฉลิม ออกจากห้องทำงานใหม่หน้าตาแดงค่อนข้างไปทางคล้ำ เพราะผสมผสานกับผิวสีร่างกาย เดินไม่ตรงทาง ไม่ทะมัดทะแมงเหมือน 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา พล.ต.อ.ภาณุพงษ์ ประคับประคองมาส่งถึงรถ ไม่มีการเล่นจ้ำจี้จ้ำไชในห้องนั้น เหมือนกับอดีตผู้บังคับการจังหวัดหนึ่งภาคเหนือตอนล่าง ที่เรียกตำรวจหญิงหน้าห้องไปทำบัดสีบัดเถลิงจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ทั่วประเทศ เพราะสองสาวอยู่ในห้องแค่ 2 ชั่วโมง ก็กลับไป คาดกันว่า สองสาวนั้นทำหน้าที่บริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม จะมองว่าทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นเรื่องเล็กก็ได้ หรือจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ผิดอะไร แต่เหตุการณ์นั้นมันเหมาะสมมันสมควรเพียงใดเพราะที่แห่งนั้นตรงนั้นมันเป็น “สถานที่ราชการ” ไม่ใช่ห้องอาหารหรือโรงแรม

อยากกินอยากดื่มอะไรก็ทำไปเถิด ถ้าไม่ทำให้มันประเจิดประเจ้อเป็นที่ครหาของประชาชนราวกับว่า “กูใหญ่ ทำอะไรก็ได้” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เจ้าของสถานที่ ซึ่งไม่น่าจะอยู่ในห้องนั้นด้วยคิดอย่างนี้ไหม.
สองสาวที่เดินทางมาต้อนรับ เฉลิม ถึงห้องทำงานใน สตช.
สาธุ...ขอให้ม็อบ เสธ.อ้าย ล้มรัฐบาลไม่ได้ด้วยเถิด...เจ้าพระคูณณณ
กำลังโหลดความคิดเห็น