พังงา - แก๊งเงินกู้โหดใช้วิธีป่าเถื่อน บุกทวงหนี้ผิดราย ผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายแค้นใช้หมัดต่อยหน้าสาววัย 40 ปี ขณะที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 9 เดือนไว้แนบอก ส่วนผู้เป็นแม่เห็นเหตุการณ์เข้าห้าม จึงถูกต่อยจนหน้าตาบวมช้ำเจ็บอีกคน หลังก่อเหตุได้วิ่งขึ้นรถเก๋งหลบหนีข้ามพื้นที่ แต่ไม่พ้นถูกตำรวจสกัดจับได้ยกแก๊ง สารภาพทวงหนี้ผิดตัว
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (22 ม.ค.) พ.ต.อ.เขมรินทร์ หัสศิริ ผกก.สภ.ตะกั่วป่า พร้อมด้วย พ.ต.ท.วินัย คงแก้ว สวญ.สภ.ตลาดใหญ่ พ.ต.ท.ภานุพันธ์ โชติพินทุ สว.สส.สภ.ตลาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตลาดใหญ่ และ สภ.ตะกั่วป่า จำนวน 10 นาย นำกำลังสกัดจับตัว นายธีระ โพนเกาะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 4 ต.บ้านเกาะ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา นายวิโรจน์ นิยมชน อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1048/43 หมู่ที่ 10 ต.นครสรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และนายจีราวุธ หอมฟุ้ง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/43 หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พร้อมด้วยรถยนต์เก๋ง ฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ หมายเลขทะเบียน กบ 2144 นครราชสีมา (ไม่ติดป้ายทะเบียน) 1 คัน
หลังจากได้รับแจ้งว่า มีเหตุทำร้ายร่างกายในพื้นที่ สภ.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา แล้วคนร้ายทั้งหมดได้หลบหนีเข้าพื้นที่ สภ.ตลาดใหญ่ โดยคนร้ายทั้ง 3 คนได้เข้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงภายในบ้านของ นางธาราทิพย์ สันติภราดร อายุ 40 ปี และนางละม่อม สันติภราดร อายุ 59 ปี สองแม่ลูก อยู่บ้านเลขที่ที่ 340 ถนนราษฎร์บำรุง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งมีอาชีพขายขนมจีนน้ำยาอยู่ในตลาดลานโล่ง เขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่า จนได้รับบาดเจ็บ แพทย์ พยาบาล รพ.ตะกั่วป่าได้รับการรักษาตัวตรวจร่างกาย พบบาดแผลนางละม่อมถูกต่อยเข้ากรามด้านซ้ายบวมช้ำ ส่วนนางธาราทิพย์ ลูกสาวก็มีบาดแผลช้ำบวมที่เบ้าตาด้านขวา
โดย นางธาราทิพย์ และนางละม่อม สองแม่ลูกผู้เสียหายได้ให้การว่า ขณะที่อยู่ในบ้าน ได้ถูกแก๊งทวงหนี้โหด ทราบชื่อต่อมาว่า นายวิโรจน์ กับนายจีราวุธ ลงจากรถเก๋งเดินมาที่หน้าบ้านถามหาคนชื่อนก นางละม่อมจึงได้เรียกนางธาราทิพย์ ลูกสาวมาให้มาพบ ขณะนั้นเองทั้งสองได้แจ้งว่า นางธาราทิพย์ ได้ค้ำประกันเงินกู้เป็นเงินจำนวน 2 หมื่นบาท ให้แก่แม่ค้าขายสะเต๊ะรายหนึ่ง นางธาราทิพย์ ตอบว่าตนไม่ได้ค้ำประกันใคร และไม่ได้กู้เงินของใคร จึงทำให้สองคนนี้โกรธจัด คนร้ายที่ชื่อ นายวิโรจน์ ได้ใช้หมัดต่อยตนเข้าที่ใบหน้าทันที ขณะนั้นตนได้อุ้มลูกชายวัย 9 เดือนอยู่แนบอกไว้กลัวลูกจะได้รับอันตราย แม่เห็นว่าตนถูกทำร้ายจึงวิ่งเข้ามาห้าม นายวิโรจน์ จึงหันไปต่อยแม่จนทรุดลง แล้วได้วิ่งหนีไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน ซึ่งมีนายธีระ เป็นคนขับ
ส่วน น.ส.เบญจมาศ สันติภราดร น้องสาวคนเล็กเห็นเหตุการณ์ได้วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือจากผู้ผ่านไปมาข้างถนน ขณะนั้นมี ด.ต.ปรีชา ตันเจริญรัตน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตลาดใหญ่ ขับรถผ่านมาพอดี จึงแจ้งให้ทราบ ด.ต.ปรีชา ขับรถไล่ติดตามคนร้ายที่หลบหนีเข้าพื้นที่ สภ.ตลาดใหญ่ ที่ตนเองทำงานอยู่วิทยุขอกำลังสกัดจับคนร้ายทุกเส้นทาง จนในที่สุด สามารถจับกุมได้ทั้งหมด และนำตัวผู้ต้องหาส่งท้องที่ สภ.ตะกั่วป่า เจ้าของพื้นที่เพื่อดำเนินคดีพนักงานสอบสวน ร.ต.ต.นรุตม์พล แก้วผล พนักงานสอยสวน สภ.ตะกั่วป่า
ตำรวจจึงได้ตั้งข้อหาหนัก 3 ข้อหา คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กดหมายกำหนดไว้ และข้อหาบุกรุก ของกลางที่ยึดได้ 9 รายการ อาวุธมีดสปาตา 1 เล่ม บัญชีเงินกู้ลูกค้ารายวัน เงินสดจำนวน 1,360 บาท นามบัตรการปล่อยเงินกู้รายวัน หนังสือสัญญาซื้อขาย ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้ยอมรับสารภาพต่อตำรวจว่า ทวงหนี้ผิดราย ขอยอมรับผิด และจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าทุกข์ และขอให้ยอมความกัน เดิมพวกตนรับงานมาจากนายทุนรายหนึ่งซึ่งอยู่ จ.กระบี่ ให้มาปล่อยเงินกู้ให้แก่แม่ค้าต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดพังงา โดยใช้รถเก๋งทำงานกัน
วันเกิดเหตุได้มาทวงหนี้ตามใบสั่งที่เพื่อนร่วมงานแจ้งให้ทราบเพียงสั้นๆ ว่า คนชื่อ “นก มีบ้านหลังสีเขียว” ค้ำประกันเงินกู้ให้แก่แม่ค้าขายสะเต๊ะในตะกั่วป่า จำนวน 2 หมื่นบาท แล้วไม่ยอมผ่อน ตนจึงรีบทำงานทันที เมื่อถามชาวบ้านว่า นก บ้านสีเขียว อยู่จุดใด ก็เข้าไปทวงหนี้ทันที และโดนเขาปฏิเสธจึงโกรธใช้หมัดต่อยทั้งสองคน ก่อนจะหลบหนีแต่ถูกตำรวจจับได้ในที่สุด
ทางด้านนางธาราทิพย์ สันติภราดร กล่าวว่า ตนไม่ขอรับเงินที่แก๊งคนร้ายที่พยายามจะจ่ายค่าเสียหายให้ และขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับคนร้ายทั้งหมดเป็นคดีตัวอย่าง เพราะคนบริสุทธิ์อย่างประชาชนยังถูกพวกมาเฟียรังแกโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
พ.ต.อ.เขมรินทร์ หัสศิริ ผกก.สภ.ตะกั่วป่า กล่าวว่า ขอฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการขอกู้เงินนอกระบบ เพราะมักจะประสบปัญหาการทวงหนี้ และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ที่ผิดกฎหมาย ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา ส่วนผู้ต้องหากลุ่มนี้จะสั่งดำเนินคดีตามกฎหมายสูงสุดต่อไป
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (22 ม.ค.) พ.ต.อ.เขมรินทร์ หัสศิริ ผกก.สภ.ตะกั่วป่า พร้อมด้วย พ.ต.ท.วินัย คงแก้ว สวญ.สภ.ตลาดใหญ่ พ.ต.ท.ภานุพันธ์ โชติพินทุ สว.สส.สภ.ตลาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตลาดใหญ่ และ สภ.ตะกั่วป่า จำนวน 10 นาย นำกำลังสกัดจับตัว นายธีระ โพนเกาะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 4 ต.บ้านเกาะ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา นายวิโรจน์ นิยมชน อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1048/43 หมู่ที่ 10 ต.นครสรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และนายจีราวุธ หอมฟุ้ง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/43 หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พร้อมด้วยรถยนต์เก๋ง ฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ หมายเลขทะเบียน กบ 2144 นครราชสีมา (ไม่ติดป้ายทะเบียน) 1 คัน
หลังจากได้รับแจ้งว่า มีเหตุทำร้ายร่างกายในพื้นที่ สภ.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา แล้วคนร้ายทั้งหมดได้หลบหนีเข้าพื้นที่ สภ.ตลาดใหญ่ โดยคนร้ายทั้ง 3 คนได้เข้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงภายในบ้านของ นางธาราทิพย์ สันติภราดร อายุ 40 ปี และนางละม่อม สันติภราดร อายุ 59 ปี สองแม่ลูก อยู่บ้านเลขที่ที่ 340 ถนนราษฎร์บำรุง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งมีอาชีพขายขนมจีนน้ำยาอยู่ในตลาดลานโล่ง เขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่า จนได้รับบาดเจ็บ แพทย์ พยาบาล รพ.ตะกั่วป่าได้รับการรักษาตัวตรวจร่างกาย พบบาดแผลนางละม่อมถูกต่อยเข้ากรามด้านซ้ายบวมช้ำ ส่วนนางธาราทิพย์ ลูกสาวก็มีบาดแผลช้ำบวมที่เบ้าตาด้านขวา
โดย นางธาราทิพย์ และนางละม่อม สองแม่ลูกผู้เสียหายได้ให้การว่า ขณะที่อยู่ในบ้าน ได้ถูกแก๊งทวงหนี้โหด ทราบชื่อต่อมาว่า นายวิโรจน์ กับนายจีราวุธ ลงจากรถเก๋งเดินมาที่หน้าบ้านถามหาคนชื่อนก นางละม่อมจึงได้เรียกนางธาราทิพย์ ลูกสาวมาให้มาพบ ขณะนั้นเองทั้งสองได้แจ้งว่า นางธาราทิพย์ ได้ค้ำประกันเงินกู้เป็นเงินจำนวน 2 หมื่นบาท ให้แก่แม่ค้าขายสะเต๊ะรายหนึ่ง นางธาราทิพย์ ตอบว่าตนไม่ได้ค้ำประกันใคร และไม่ได้กู้เงินของใคร จึงทำให้สองคนนี้โกรธจัด คนร้ายที่ชื่อ นายวิโรจน์ ได้ใช้หมัดต่อยตนเข้าที่ใบหน้าทันที ขณะนั้นตนได้อุ้มลูกชายวัย 9 เดือนอยู่แนบอกไว้กลัวลูกจะได้รับอันตราย แม่เห็นว่าตนถูกทำร้ายจึงวิ่งเข้ามาห้าม นายวิโรจน์ จึงหันไปต่อยแม่จนทรุดลง แล้วได้วิ่งหนีไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน ซึ่งมีนายธีระ เป็นคนขับ
ส่วน น.ส.เบญจมาศ สันติภราดร น้องสาวคนเล็กเห็นเหตุการณ์ได้วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือจากผู้ผ่านไปมาข้างถนน ขณะนั้นมี ด.ต.ปรีชา ตันเจริญรัตน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตลาดใหญ่ ขับรถผ่านมาพอดี จึงแจ้งให้ทราบ ด.ต.ปรีชา ขับรถไล่ติดตามคนร้ายที่หลบหนีเข้าพื้นที่ สภ.ตลาดใหญ่ ที่ตนเองทำงานอยู่วิทยุขอกำลังสกัดจับคนร้ายทุกเส้นทาง จนในที่สุด สามารถจับกุมได้ทั้งหมด และนำตัวผู้ต้องหาส่งท้องที่ สภ.ตะกั่วป่า เจ้าของพื้นที่เพื่อดำเนินคดีพนักงานสอบสวน ร.ต.ต.นรุตม์พล แก้วผล พนักงานสอยสวน สภ.ตะกั่วป่า
ตำรวจจึงได้ตั้งข้อหาหนัก 3 ข้อหา คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กดหมายกำหนดไว้ และข้อหาบุกรุก ของกลางที่ยึดได้ 9 รายการ อาวุธมีดสปาตา 1 เล่ม บัญชีเงินกู้ลูกค้ารายวัน เงินสดจำนวน 1,360 บาท นามบัตรการปล่อยเงินกู้รายวัน หนังสือสัญญาซื้อขาย ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้ยอมรับสารภาพต่อตำรวจว่า ทวงหนี้ผิดราย ขอยอมรับผิด และจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าทุกข์ และขอให้ยอมความกัน เดิมพวกตนรับงานมาจากนายทุนรายหนึ่งซึ่งอยู่ จ.กระบี่ ให้มาปล่อยเงินกู้ให้แก่แม่ค้าต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดพังงา โดยใช้รถเก๋งทำงานกัน
วันเกิดเหตุได้มาทวงหนี้ตามใบสั่งที่เพื่อนร่วมงานแจ้งให้ทราบเพียงสั้นๆ ว่า คนชื่อ “นก มีบ้านหลังสีเขียว” ค้ำประกันเงินกู้ให้แก่แม่ค้าขายสะเต๊ะในตะกั่วป่า จำนวน 2 หมื่นบาท แล้วไม่ยอมผ่อน ตนจึงรีบทำงานทันที เมื่อถามชาวบ้านว่า นก บ้านสีเขียว อยู่จุดใด ก็เข้าไปทวงหนี้ทันที และโดนเขาปฏิเสธจึงโกรธใช้หมัดต่อยทั้งสองคน ก่อนจะหลบหนีแต่ถูกตำรวจจับได้ในที่สุด
ทางด้านนางธาราทิพย์ สันติภราดร กล่าวว่า ตนไม่ขอรับเงินที่แก๊งคนร้ายที่พยายามจะจ่ายค่าเสียหายให้ และขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับคนร้ายทั้งหมดเป็นคดีตัวอย่าง เพราะคนบริสุทธิ์อย่างประชาชนยังถูกพวกมาเฟียรังแกโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
พ.ต.อ.เขมรินทร์ หัสศิริ ผกก.สภ.ตะกั่วป่า กล่าวว่า ขอฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการขอกู้เงินนอกระบบ เพราะมักจะประสบปัญหาการทวงหนี้ และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ที่ผิดกฎหมาย ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา ส่วนผู้ต้องหากลุ่มนี้จะสั่งดำเนินคดีตามกฎหมายสูงสุดต่อไป