ตรัง - ผลพวงจากภาวะราคายางตกต่ำ ทำให้เกษตรกรชะลอการปลูก ส่งผลให้ต้นกล้ายางมีราคาตกต่ำ และมียอดขายไม่ค่อยจะดีนัก ผู้ประกอบการเล็งส่งออกไปตลาดต่างประเทศทดแทน
นายขำ นุชิตศิริภัทรา นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดตรัง ในฐานะผู้ประกอบการแปลงเพาะชำยางพันธุ์ดีรายใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้นกล้ายางชนิดชำถุง ได้มีราคาถดถอยลงเป็นอย่างมาก จากเดิมในพื้นที่ภาคใต้จะมีราคาสูงถึงต้นละ 40-50 บาท แต่ล่าสุด ได้ลดลงเหลือเพียงแค่ต้นละ 35 บาทเท่านั้น สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาตกต่ำลงนั้น เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่หมดฤดูกาลเพาะปลูก และเกษตรกรก็ชะลอตัวลงจากปัญหายางราคาตกต่ำ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลกทั้งอเมริกา และยุโรปยังไม่ค่อยดีนัก
ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ด้านราคายางในช่วงที่ผ่านมาได้ถดถอยลงอย่างมาก อันเนื่องมาจากผลกระทบในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการที่รัฐบาลไปทำสัญญาซื้อขายยางล่วงหน้า 480,000 ตัน ในราคากิโลกรัมละ 105 บาท จึงทำให้ตลาดต่างประเทศเกิดการชะลอตัว เนื่องจากต้องการรอดูราคายางที่แน่นอน รวมทั้งโครงการแทรกแซงราคายาง ที่ถือเป็นความผิดพลาดอีกเช่นกัน จึงทำให้ราคายางยังคงมีแนวโน้มที่ยังต่ำอยู่ต่อไป ทำให้เกษตรกรหลายรายไม่อยากลงทุนปลูกยาง จึงส่งผลให้ต้นกล้ายางมีราคาตกต่ำลงในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการแปลงเพาะชำยางเชื่อว่า เมื่อถึงช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งมีฝนฟ้าตกลงมาอย่างเต็มที่ เกษตรกรที่ได้เตรียมพื้นที่เอาไว้แล้วก็คงจะเพาะปลูกยางตามฤดูกาล อีกทั้งในต่างประเทศ เช่น จีน ลาว กัมพูชา ยังมีความสนใจปลูกยางอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางผู้ประกอบการสามารถเปลี่ยนแนวทางการทำตลาด จากภายในประเทศ ไปเป็นต่างประเทศทดแทนได้ แม้อาจจะไม่สดใสมากนัก เนื่องจากขณะนี้มีธุรกิจแปลงเพาะชำยางเกิดขึ้นมาก และคงไม่สามารถปรับราคาต้นกล้ายางให้สูงขึ้นเหมือนเช่นในอดีต