xs
xsm
sm
md
lg

ภูเก็ตอั้นไม่อยู่ตายเพิ่มเป็น 8 ศพเฝ้าระวังปีใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภูเก็ตตายเพิ่มเป็น 8 ราย ล่าสุด อดีตผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11 ภูเก็ต นั่งรถมากับเพื่อนประสบอุบัติแหกโค้งตอนเช้าวันนี้ เสียชีวิตคาที่
รถที่อดีตผู้ประกาศข่าวช่อง 11 ภูเก็ตนั่งมาประสบอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ (ขอบคุณภาพจากเจ้าหน้าที่ )
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (1 ม.ค.) ที่ห้องที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัด (POC) ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายสันติ์ จันทรวงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต นายสมัคร เลือดวงหัด ผู้อำนวยการแขวงการทางจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต ตลอดจนตัวแทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ปกครองจังหวัด เจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจต่างๆ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ทั้งนี้ ได้มีการรายงานสรุปสถิติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ในระหว่างวันที่ 27-31 ธันวาคม 2555 รวม 5 วัน ปรากฏว่า มีอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้น จำนวน 17 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 16 คน เป็นชาย 11 คน และหญิง 5 คน ส่วนใหญ่จะมีช่วงอายุระหว่าง 30-49 ปี และมีผู้เสียชีวิต จำนวน 7 คน แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันนี้ (1 ธ.ค.) เวลาประมาณ 06.10 น. เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งโตโยต้าสีดำ ป้ายทะเบียน กข 9140 เสียหลักแหกโค้งที่บริเวณโค้งโควคาร์ด ขาเข้าเมืองภูเก็ต ไปชนกับเสาไฟฟ้า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน คือนายเอก เอกเวชากุล อายุ 26 ปี อดีตผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ภูเก็ต ทำให้ขณะนี้ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย

ส่วนข้อมูลการบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่มีใบขับขี่ มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขับรถเร็วเกินกำหนด เมาสุรา ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ขับรถย้อนศร แซงในที่คับขัน และใช้มือถือขณะขับรถ มีการเรียกตรวจรวม 12,232 คัน พบการกระทำผิด 1,849 ราย ส่วยใหญ่ไม่มีใบขับขี่ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และไม่สวมหมวกนิรภัย ขณะที่สาเหตุ และพฤติกรรมเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุมาจาก เมาสุรา ขับรถเร็ว ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด และไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งทั้งหมดเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล

นายไมตรี กล่าวว่า ในส่วนของจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่าลดลง แต่มีผู้เสียชีวิติเพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งจะเป็นนักท่องเที่ยวซึ่งไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งในเรื่องดังกล่าวจะมีการรณรงค์กันต่อเนื่องในระยะยาว โดยจะได้พูดคุยหารือกับทางผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก และผู้ประกอบการรถเช่าให้ช่วยกำชับ และทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวในการสวมหมวกนิรภัย นอกจากนี้ ก็จะได้มีการหารือกับผู้ประกอบการรถรับส่งนักท่องเที่ยวไปยังสนามบิน เนื่องจากพบว่าจะมีการใช้ความเร็วสูง ประกอบกับเป็นเส้นทางตรง และมีการทำเวลา เพื่อทำความเข้าใจ และให้มีการเผื่อเวลาในการเดินทางไปส่งนักท่องเที่ยวที่สนามบิน เพื่อจะได้ลดการใช้ความเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ


กำลังโหลดความคิดเห็น