สุราษฎร์ธานี - ฝนถล่มสุราษฎร์ธานี ทำน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน-สะพานเชื่อมเส้นทางเสียหาย ประชาชนเดือดร้อนแล้วกว่า 3,000 คน
จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพายุฝนตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น และน้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด ได้ไหลหลากพัดเอาท่อนไม้ขนาดใหญ่ลงมาจากภูเขา ลงคลองครามในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากบวกกับท่อนไม้ขนาดใหญ่ได้พัดกระแทก และกัดเซาะสะพานข้ามคลองครามขาด ซึ่งสะพานดังกล่าวเชื่อมระหว่างบ้านปากแพกหมู่ที่ 11 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก และบ้านหัวเตย หน้าถ้ำ หมู่ที่ 13 ตำบลท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ ส่งผลให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ชาวบ้านกว่า 200 ครัวเรือ ประชาชนกว่า 500 ชีวิตถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง
หลังเกิดเหตุ นายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานีรุดลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่กระแสน้ำป่ายังไหลเชี่ยวกรากทำให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความลำบาก
ล่าสุด ในวันนี้ (25 ธ.ค.) นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า น้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น และน้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีดได้ไหลหลากลงพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ โดยเมื่อวานนี้ วัดปริมาณน้ำฝนที่บ้านวังมัจฉา ตำบลท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ ได้ 130 มิลลิเมตร กระแสน้ำได้ไหลหลากส่งผลกระทบสร้างความเสียหายให้พื้นที่ 3 ตำบล 12 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,230 ครัวเรือน ประมาณ 3,200 คน บ้านพังเสียหาย จำนวน 2 หลัง พื้นที่การเกษตรประมาณ 200 ไร่ สะพานขาด 2 แห่ง คอสะพาน 3 แห่ง ฝายน้ำล้น 2 แห่ง ท่อระบายน้ำจำนวน 13 แห่ง ค่าเสียหายในเบื้องต้นกว่า 8,000,000 บาท
โดยขณะนี้ ทางจังหวัดได้ประกาศให้พื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน เพื่อจะได้นำเงินงบประมาณ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ต่อไป นอกจากนั้น ยังได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จุดเสี่ยงเตรียมรับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และคลื่นสูงพัดถล่มชายฝั่ง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยายังประกาศเตือนภาคใต้ยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน นายมนตี เพชรขุ้ม อบจ.สุราษฎร์ธานีระดมบุคลากรพร้อมเครื่องจักรกลหนักลงพื้นเตรียมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านหัวเตย-หน้าถ้า ตำบลท่าอุแทแล้ว ส่วนสภาพอากาศในช่วงเช้าวันนี้ ฝนได้ทิ้งช่วงหยุดตกแต่ท้องฟ้ายังมีเฆฆปกคลุมหนาแน่น
จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพายุฝนตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น และน้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด ได้ไหลหลากพัดเอาท่อนไม้ขนาดใหญ่ลงมาจากภูเขา ลงคลองครามในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากบวกกับท่อนไม้ขนาดใหญ่ได้พัดกระแทก และกัดเซาะสะพานข้ามคลองครามขาด ซึ่งสะพานดังกล่าวเชื่อมระหว่างบ้านปากแพกหมู่ที่ 11 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก และบ้านหัวเตย หน้าถ้ำ หมู่ที่ 13 ตำบลท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ ส่งผลให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ชาวบ้านกว่า 200 ครัวเรือ ประชาชนกว่า 500 ชีวิตถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง
หลังเกิดเหตุ นายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานีรุดลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่กระแสน้ำป่ายังไหลเชี่ยวกรากทำให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความลำบาก
ล่าสุด ในวันนี้ (25 ธ.ค.) นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า น้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น และน้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีดได้ไหลหลากลงพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ โดยเมื่อวานนี้ วัดปริมาณน้ำฝนที่บ้านวังมัจฉา ตำบลท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ ได้ 130 มิลลิเมตร กระแสน้ำได้ไหลหลากส่งผลกระทบสร้างความเสียหายให้พื้นที่ 3 ตำบล 12 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,230 ครัวเรือน ประมาณ 3,200 คน บ้านพังเสียหาย จำนวน 2 หลัง พื้นที่การเกษตรประมาณ 200 ไร่ สะพานขาด 2 แห่ง คอสะพาน 3 แห่ง ฝายน้ำล้น 2 แห่ง ท่อระบายน้ำจำนวน 13 แห่ง ค่าเสียหายในเบื้องต้นกว่า 8,000,000 บาท
โดยขณะนี้ ทางจังหวัดได้ประกาศให้พื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน เพื่อจะได้นำเงินงบประมาณ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ต่อไป นอกจากนั้น ยังได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จุดเสี่ยงเตรียมรับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และคลื่นสูงพัดถล่มชายฝั่ง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยายังประกาศเตือนภาคใต้ยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน นายมนตี เพชรขุ้ม อบจ.สุราษฎร์ธานีระดมบุคลากรพร้อมเครื่องจักรกลหนักลงพื้นเตรียมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านหัวเตย-หน้าถ้า ตำบลท่าอุแทแล้ว ส่วนสภาพอากาศในช่วงเช้าวันนี้ ฝนได้ทิ้งช่วงหยุดตกแต่ท้องฟ้ายังมีเฆฆปกคลุมหนาแน่น
