ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เครือข่ายความปลอดภัยทางถนนจาก สปป.ลาว ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครือข่ายป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจร จังหวัดภูเก็ต เผยที่ผ่านมา ภูเก็ตสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุกว่า 50% มีผู้สวมหมวกนิรภัยมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ห้องบอนไม้ท่อน โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมต้อนรับคณะเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นำโดยนายสีวอน ทรัพย์ทวี และนายบุญเทียน สายดอน จากกระทรวงคมนาคม นครหลวงเวียงจันทน์ รวมถึงภาคีเครือข่ายการดำเนินงานอุบัติเหตุของจังหวัดอุดรธานี นำโดย นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี รองประธาน สอจร.กลาง และภาคีเครือข่ายจากจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครือข่ายป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจร จังหวัดภูเก็ต ซึ่ง นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตในฐานะประธาน สอจร.ภาคใต้ พ.ต.ท.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล
นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเข้ามาของคณะดังกล่าว ซึ่งมีทั้งภาคีตำรวจ ตัวแทนคมนาคม และโรงพยาบาล เพื่อมาดูงาน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้การลดอุบัติเหตุ เนื่องจากนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติจราจรปีละประมาณ 200 ราย เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจากเดิมเคยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ปีละประมาณ 200 ราย แต่ปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาทำให้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเหลือปีละประมาณ 100 ราย โดยผ่านกระบวนการทำงานเป็นภาคีเครือข่าย ไม่ว่าการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร โดยเน้นการสวมหมวกนิรภัย ซึ่งปัจจุบัน จังหวัดภูเก็ตมีผู้สวมหมวกนิรภัย ทั้งคนขับ และซ้อนท้ายเป็นอันดับ 2 ของประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงโดยมีเจ้าภาพร่วม ประกอบด้วย ตัวแทนจากแขวงการทาง ทางหลวงชนบท รวมถึงท้องถิ่นต่างๆ ได้มีการแก้ไขไปแล้ว 20 แห่ง รวมทั้งยังมีแผนงานในการแก้ปัญหาจุดเสี่ยงทั้งหมดประมาณ 50 จุด โดยใช้งบจังหวัดในภาพรวม ทั้งหน่วยงานที่มีงบประมาณอยู่แล้ว หรือขอรับการสนับสนุนจาก อบจ.ภูเก็ต ภายในระยะวลา 3 ปี ถัดจากนี้ ซึ่งจะทำให้จุดเสี่ยงน้อยลง หรือหมดไป นอกเหนือจากนั้นในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องของการใช้ความเร็ว ที่ทราบคือ จะมีการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายกรณีเมาแล้วขับ
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ห้องบอนไม้ท่อน โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมต้อนรับคณะเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นำโดยนายสีวอน ทรัพย์ทวี และนายบุญเทียน สายดอน จากกระทรวงคมนาคม นครหลวงเวียงจันทน์ รวมถึงภาคีเครือข่ายการดำเนินงานอุบัติเหตุของจังหวัดอุดรธานี นำโดย นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี รองประธาน สอจร.กลาง และภาคีเครือข่ายจากจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครือข่ายป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจร จังหวัดภูเก็ต ซึ่ง นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตในฐานะประธาน สอจร.ภาคใต้ พ.ต.ท.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล
นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเข้ามาของคณะดังกล่าว ซึ่งมีทั้งภาคีตำรวจ ตัวแทนคมนาคม และโรงพยาบาล เพื่อมาดูงาน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้การลดอุบัติเหตุ เนื่องจากนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติจราจรปีละประมาณ 200 ราย เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจากเดิมเคยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ปีละประมาณ 200 ราย แต่ปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาทำให้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเหลือปีละประมาณ 100 ราย โดยผ่านกระบวนการทำงานเป็นภาคีเครือข่าย ไม่ว่าการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร โดยเน้นการสวมหมวกนิรภัย ซึ่งปัจจุบัน จังหวัดภูเก็ตมีผู้สวมหมวกนิรภัย ทั้งคนขับ และซ้อนท้ายเป็นอันดับ 2 ของประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงโดยมีเจ้าภาพร่วม ประกอบด้วย ตัวแทนจากแขวงการทาง ทางหลวงชนบท รวมถึงท้องถิ่นต่างๆ ได้มีการแก้ไขไปแล้ว 20 แห่ง รวมทั้งยังมีแผนงานในการแก้ปัญหาจุดเสี่ยงทั้งหมดประมาณ 50 จุด โดยใช้งบจังหวัดในภาพรวม ทั้งหน่วยงานที่มีงบประมาณอยู่แล้ว หรือขอรับการสนับสนุนจาก อบจ.ภูเก็ต ภายในระยะวลา 3 ปี ถัดจากนี้ ซึ่งจะทำให้จุดเสี่ยงน้อยลง หรือหมดไป นอกเหนือจากนั้นในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องของการใช้ความเร็ว ที่ทราบคือ จะมีการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายกรณีเมาแล้วขับ