กระบี่ - เจ้าหน้าที่ป่าไม้สนธิกำลัง ทหาร ตำรวจ และ อส.ร่วม 1,000 นาย เข้าผลักดันม็อบยึดสวนปาล์มน้ำมันขาดอายุสัมปทานของห้างหุ้นส่วนกระบี่ รวมภัณฑ์ จำกัด ในพื้นที่ ม.6 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง หลังถูกกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน บุกยึดพื้นที่นานร่วม 8 เดือน
เมื่อเวลา 08.40 วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่ว่าการอำเภอเหนือคลอง จ.กระบี่ นายวิฑูร ชลายนนาวิน รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยนายอำนาจ สร้อยเกียว ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 สุราษฎร์ธานี และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรภาค 8 ทหารหน่วยนาวิโยธิน 411 ร.15 พัน 1 และอาสาสมัครรักษาดินแดน รวมจำนวนประมาณ 1,000 นาย ตั้งแถวเพื่อออกปฎิบัติหน้าที่บังคับใช้กฎหมายแก่กลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน ที่อาศัยอยู่ภายในสวนปาล์มน้ำมันขาดอายุสัมปทาน หจก.กระบี่รวมภัณฑ์ ในพื้นที่ ม.6 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ที่ยึดสวนปาล์มมานานกว่า 8 เดือนให้ออกจากพื้นที่
หลังจากที่กรมป่าไม้เข้าเจรจาให้ออกจากพื้นที่ก่อนหน้านี้ โดยให้เวลาภายในเวลา 15 วัน ซึ่งได้ครบกำหนดเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2555 ที่ผ่านมา แต่กลับพบว่า ยังมีกลุ่มเกษตรกรฯ อาศัยอยู่อีกประมาณ 500 คน ไม่ยอมออกจากพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชน และกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ตำบลคลองขนาน
นายวิฑูร กล่าวว่า ก่อนเข้าพื้นที่จะมีการนำรถประชาสัมพันธ์ประกาศให้เกษตรกรที่ยังอยู่ในพื้นที่ออกจากสวนปาล์มน้ำมันขาดอายุสัมปทาน โดยคนที่มีความประสงค์จะออกจากพื้นที่ เจ้าหน้าที่จะมีรถคอยบริการรับส่งไปยังภูมิลำเนา หรือท่ารถขนส่ง ส่วนคนที่ยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ โดยจะควบคุมตัวขึ้นรถไปส่งที่ค่ายทหาร ร.15 พัน 1 และการปฎิบัติหน้าที่ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติกับกลุ่มเกษตรกรด้วยความละมุนละม่อม โดยทุกคนจะไปมือเปล่าไม่มีอาวุธพกพาติดตัวไปแต่อย่างใด สำหรับพื้นที่สวนปาล์มที่ขาดอายุสัมปทานจะจัดการอย่างไรค่อยว่ากันอีกที
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปถึงพื้นที่เพื่อเข้าผลักดันกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกินที่ยังคงอาศัยอยู่ภายในสวนปาล์มน้ำมันขาดอายุสัมปทาน ออกจากพื้นที่ โดยนำรถเครื่องขยายเสียงประชาสัมพันธ์เดินหน้าเข้าไปภายในสวนปาล์มประกาศเตือนให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ออกจากสวนปาล์มดังกล่าว ก่อนที่จะนำกำลังเข้าจับกุมดำเนินคดี เมื่อไปถึงปรากฏว่า พบเพียงบ้านพักกว่า 300 หลัง ปลูกกระจายเต็มพื้นที่ตามแนวต้นปาล์มน้ำมัน แต่ไม่พบชาวบ้านอาศัยอยู่แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังออกตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายตามบ้านพัก โดยงัดประตูบ้านที่ปิดอยู่ พบเพียงข้าวของเครื่องใช้ แต่ไม่มีคนอาศัยอยู่ในบ้าน ทำการเคลียร์พื้นที่เต็นท์ที่พักมารวบรวมไว้กลางสวนปาล์ม และยึดรถจักรยานยนต์ 3 คันที่จอดอยู่ในพื้นที่
และระหว่างที่รองอธิบดี นำเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจพื้นที่อยู่นั้น ได้รับแจ้งว่า ยังมีชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ประมาณ 10 คน รวมตัวอยู่ในด้านในสุดของสวนปาล์ม ห่างจากประตูทางเข้าสวนปาล์มประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวออกจากพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งว่าได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ จำนวนกว่า 30 คน พร้อมอาวุธครบมือ ได้พากันหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปอยู่ที่บริเวณสวนยางพารา ใกล้ท่าเทียบเรือสะพานช้าง ม.6 ต.คลองขนาน ห่างจากสวนปาลมน้ำมันขาดสัมปทาน บ้านคลองหวายเล็ก ประมาณ 2 กม. เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมอยู่ในขณะนี้