กระบี่ - ม็อบยึดสวนปาล์มกระบี่ ตลบหลังเจ้าหน้าที่รัฐบุกยึดศาลากลางจังหวัด หลังเจ้าหน้าที่สนธิกำลังกว่า 1,000 นาย เข้าสลายการชุมชุม พร้อมเรียกร้องให้ชดเชยความเสียหายทรัพย์สินที่ถูกทำลาย แฉถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย และยืนยันจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อจนกว่าจะได้รับการแก้ปัญหา
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และอาสมัครรักษาดินแดน รวมกว่า 1,000 นาย นำโดยนายวิฑูร ชลายนนาวิน รองอธิบดีกรมไม้ ได้นำกำลังเข้าในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันขาดอายุสัมปทาน บ้านคลองหวายเล็ก ม.6 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ เพื่อผลักดันม็อบยึดสวนปาล์ม หรือกลุ่มสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกินจังหวัดกระบี่ ที่ยังคงอาศัยอยู่ภายในสวนปาล์มน้ำมันออกจากพื้นที่ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (18 ธ.ค.) แต่ขณะเจ้าหน้าที่ไปถึง พบคนอาศัยอยู่ในสวนปาล์มเพียงไม่กี่คน คาดว่า ออกจากพื้นที่ไปก่อนหน้านี้ จึงได้ทำการตรวจยึดพื้นที่ไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่ป้าไม้ตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ จำนวน 350 นาย เพื่อป้องกันกลุ่มม็อบกลับเข้าไปอีก
แต่ล่าสุด เมื่อเวลาเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน กลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน ประมาณ 150 คน ที่หลบหนีจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ออกจากสวนปาล์ม ได้ตลบหลังเจ้าหน้าที่ทยอยเดินทางรวมตัวชุมนุมกันที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐชดเชยค่าเสียหาย จากกรณีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าไปทุบทำลายทรัพย์สิน และเผาบ้านพักที่ปลูกในสวนปาล์มได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองขนาน แต่คดียังไม่คืบหน้า และขอให้จัดหาที่อยู่อาศัยให้ เพราะไม่มีที่อยู่อาศัยเนื่องจากได้นำเงินไปปลูกบ้านในสวนสวนปาล์มหมดแล้ว จึงได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยต้องการให้มีคำตอบที่ชัดเจนจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่
นางละเอียด ลิ่มโต อายุ 69 ปี บ้านอยู่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช หนึ่งในกลุ่มชาวบ้านที่ถูกเจ้าหน้าที่ไล่ออกสวนปาล์มกล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้ายึดพื้นที่คืนก็ไม่มีที่อยู่ เพราะเงินที่มีทั้งหมดได้นำไปสร้างบ้านในสวนปาล์มหมดแล้ว หากเจ้าหน้าที่เห็นใจก็ขอให้ชดเชยค่าสร้างบ้านให้ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ ได้หลงเชื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่าจะยกที่ดินให้แก่คนจน จึงได้นำเงินทั้งหมดที่มีสร้างบ้านในพื้นที่สวนปาล์ม แต่อยู่ๆ ก็มาขับไล่ออกเหมือนกับว่าไม่ใช่คน และจะปักหลักเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อไป
ด้านนายอับดุลเลาะ ปูลาพะระเปะ อายุ 52 ปี ได้เล่านาทีชีวิตขณะเจ้าหน้าที่เข้ายึดพื้นที่ว่า ตนเห็นเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ และได้ประกาศให้ออกจากพื้นที่ ตนก็เตรียมไปเก็บข้าวของออกจากพื้นที่ ขณะที่เดินอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ถามตนว่า หัวหน้ามึงอยู่ไหน ซึ่งตนก็ตอบไปว่าไม่รู้ ทางเจ้าหน้าที่รายหนึ่งก็ได้ใช้เท้าแตะตน 2 ครั้ง พร้อมเอาปลายกระบอกปืน เอ็ม 16 โขกหัวอีกหลายครั้ง จนตนบอกว่าผมเป็นทหารเก่า และจะร้องเรียนผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวก็หยุดพฤติกรรมโหด ตนจึงได้วิ่งออกจากพื้นที่ และมารวมตัวกับกลุ่มที่อยู่หน้าศาลากลางแห่งนี้
โดยการชุมนุมเรียกร้องผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจาพูดคุยด้วยแต่อย่างใด ทางกลุ่มสมาชิกเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกินจึงประกาศว่าจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้ออยู่ที่สนามหน้าศาลากลางต่อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และอาสมัครรักษาดินแดน รวมกว่า 1,000 นาย นำโดยนายวิฑูร ชลายนนาวิน รองอธิบดีกรมไม้ ได้นำกำลังเข้าในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันขาดอายุสัมปทาน บ้านคลองหวายเล็ก ม.6 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ เพื่อผลักดันม็อบยึดสวนปาล์ม หรือกลุ่มสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกินจังหวัดกระบี่ ที่ยังคงอาศัยอยู่ภายในสวนปาล์มน้ำมันออกจากพื้นที่ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (18 ธ.ค.) แต่ขณะเจ้าหน้าที่ไปถึง พบคนอาศัยอยู่ในสวนปาล์มเพียงไม่กี่คน คาดว่า ออกจากพื้นที่ไปก่อนหน้านี้ จึงได้ทำการตรวจยึดพื้นที่ไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่ป้าไม้ตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ จำนวน 350 นาย เพื่อป้องกันกลุ่มม็อบกลับเข้าไปอีก
แต่ล่าสุด เมื่อเวลาเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน กลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน ประมาณ 150 คน ที่หลบหนีจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ออกจากสวนปาล์ม ได้ตลบหลังเจ้าหน้าที่ทยอยเดินทางรวมตัวชุมนุมกันที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐชดเชยค่าเสียหาย จากกรณีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าไปทุบทำลายทรัพย์สิน และเผาบ้านพักที่ปลูกในสวนปาล์มได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองขนาน แต่คดียังไม่คืบหน้า และขอให้จัดหาที่อยู่อาศัยให้ เพราะไม่มีที่อยู่อาศัยเนื่องจากได้นำเงินไปปลูกบ้านในสวนสวนปาล์มหมดแล้ว จึงได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยต้องการให้มีคำตอบที่ชัดเจนจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่
นางละเอียด ลิ่มโต อายุ 69 ปี บ้านอยู่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช หนึ่งในกลุ่มชาวบ้านที่ถูกเจ้าหน้าที่ไล่ออกสวนปาล์มกล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้ายึดพื้นที่คืนก็ไม่มีที่อยู่ เพราะเงินที่มีทั้งหมดได้นำไปสร้างบ้านในสวนปาล์มหมดแล้ว หากเจ้าหน้าที่เห็นใจก็ขอให้ชดเชยค่าสร้างบ้านให้ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ ได้หลงเชื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่าจะยกที่ดินให้แก่คนจน จึงได้นำเงินทั้งหมดที่มีสร้างบ้านในพื้นที่สวนปาล์ม แต่อยู่ๆ ก็มาขับไล่ออกเหมือนกับว่าไม่ใช่คน และจะปักหลักเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อไป
ด้านนายอับดุลเลาะ ปูลาพะระเปะ อายุ 52 ปี ได้เล่านาทีชีวิตขณะเจ้าหน้าที่เข้ายึดพื้นที่ว่า ตนเห็นเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ และได้ประกาศให้ออกจากพื้นที่ ตนก็เตรียมไปเก็บข้าวของออกจากพื้นที่ ขณะที่เดินอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ถามตนว่า หัวหน้ามึงอยู่ไหน ซึ่งตนก็ตอบไปว่าไม่รู้ ทางเจ้าหน้าที่รายหนึ่งก็ได้ใช้เท้าแตะตน 2 ครั้ง พร้อมเอาปลายกระบอกปืน เอ็ม 16 โขกหัวอีกหลายครั้ง จนตนบอกว่าผมเป็นทหารเก่า และจะร้องเรียนผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวก็หยุดพฤติกรรมโหด ตนจึงได้วิ่งออกจากพื้นที่ และมารวมตัวกับกลุ่มที่อยู่หน้าศาลากลางแห่งนี้
โดยการชุมนุมเรียกร้องผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจาพูดคุยด้วยแต่อย่างใด ทางกลุ่มสมาชิกเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกินจึงประกาศว่าจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้ออยู่ที่สนามหน้าศาลากลางต่อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน