ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คณะทำงานติดตามเส้นทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด และกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับ ป.ป.ส.ภาค 9 ฝ่ายปกครอง และตำรวจตรวจยึดยาเสพติด เครื่องกระสุนปืน วิทยุสื่อสาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถนำไปประกอบเป็นระเบิดได้ ซึ่งถูกส่งทางพัสดุไปรษณียภัณฑ์ จำนวน 76 กล่อง
วันนี้ (13 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุม สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คณะทำงานติดตามเส้นทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด และกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย พล.ท.สกล ชื่นตระกูล ผอ.สขว.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พ.ต.อ.อดิเรก บือราเฮง ผกก.สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.ธรรมรัตน์ เพ็ชรหนองชุม รอง ผกก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 9 และฝ่ายปกครอง อ.หาดใหญ่ แถลงข่าวการตรวจยึดพัสดุไปรษณียภัณฑ์ จำนวน 76 กล่อง ที่ถูกส่งมายังศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่
โดยพบว่า บรรจุใบกระท่อม 56 ลัง น้ำหนัก 187 กิโลกรัม ยาแก้ไอ 17 ลัง รวม 175 ขวด พร้อมหัวเชื้อ 22 ลิตร วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 4 จำนวน 2,700 เม็ด กระสุนปืน 2 ลัง รวมเครื่องกระสุนทั้งขนาด.38 .45.22 จำนวน 500 นัด
อีกทั้งยังพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 ลัง ซึ่งเป็นเครื่องรับสัญญาณวิทยุ และโทรศัพท์มือถือ ชุดหลอดไฟ และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ตะกั่ว และเครื่องบัดกรีแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถที่จะนำไปดัดแปลงประกอบเป็นตัวจุดชนวนระเบิดได้ นอกจากนี้ ยังมีวิทยุสื่อสารอีก 6 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง เหล็กลำกล้องปืนอีก 5 อัน และดินประสิวบรรจุขวดน้ำดื่ม 350 กรัม
จากการตรวจสอบพัสดุไปรษณียภัณฑ์ทั้งหมดพบว่า ถูกส่งมาจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนบน โดยมีปลายทางทั้งในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่คาดว่าทั้งชื่อ และที่อยู่ผู้รับน่าจะเป็นชื่อปลอม
โดยการตรวจยึดยาเสพติด และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับความมั่นคงในครั้งนี้ ทางคณะทำงานติดตามเส้นทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด และกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับรายงานว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะลักลอบส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์ผ่านศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ ก่อนที่จะกระจายไปยังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้นำเครื่องสแกนเอกซเรย์ไปตรวจสอบเมื่อคืนวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบของกลางทั้งหมด
โดยในรอบปีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดยาเสพติด เครื่องกระสุน และวัสดุที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงที่ถูกส่งทางไปรษณีย์ในลักษณะนี้มาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง และจากการตรวจสอบพบว่า มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้